ที่ผ่านมาเราคงเคยได้ยินกันหนาหูว่าจะทำการตลาดต้องรู้จัก Product, Price, Place และ Promotion หรือที่เขาเรียกกันว่า 4P แต่การตลาดปี 2025 นี้มีอะไรมากกว่านั้น เพราะความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ เราในฐานะคนขายของออนไลน์ยิ่งต้องทำความเข้าใจลูกค้าในเชิงลึกเพื่อจะทำการตลาดได้แบบมีประสิทธิภาพ วันนี้ Shipnity จะพาไปทำความเข้าใจกับ 10P ฉบับง่าย ๆ ที่สามารถเอาไปปรับใช้ได้เลย
1. Product
ในฐานะที่คุณเป็นพ่อค้า/แม่ค้า ไม่ว่าจะขายแบบมีหน้าร้านหรือเน้นขายของออนไลน์ ก็จำเป็นที่จะต้องทำให้สินค้าในร้านตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการจะขายอยู่เสมอ ต้องดูให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มที่เราจะเอาเขามาเป็นลูกค้า ถ้าเรารู้ใจเขา จะมีลูกค้ามากแค่ไหนก็ปิดการขายได้ทุกราย
หัวใจสำคัญคือการที่เรารู้ว่าลูกค้ากำลังอินกับอะไรหรือสนใจอะไรอยู่ เช่น ถ้าอยากขายเสื้อผ้าให้ Gen Z ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ใส่ใจในภาพลักษณ์ของตัวเองไม่แพ้ชาว Gen X หรือ Gen Y ก็ต้องตามให้ทันเทรนด์ หาลูกเล่นใหม่ ๆ ในการออกแบบเสื้อผ้า ให้พวกเขารู้สึกสนุกไปกับการแต่งตัวจากการเลือกเสื้อผ้าในร้านคุณ รับรองได้เลยว่าทำได้แบบนี้จะมีแต่คำว่าปัง!
2. Price
การกำหนดราคาถือเป็นอีก 1 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ว่าจะเลือกซื้อหรือเลือกเดินผ่าน บางครั้งต่อให้เขาจะดูสนใจสินค้าของคุณมากแค่ไหน แต่ถ้าราคามันดูโอเวอร์มากเกินไป ไม่คุ้มค่ากับราคาที่เขาต้องจ่าย ก็มีโอกาสที่เขาจะโบกมือลาได้เหมือนกัน
จะตั้งราคาทั้งทีต้องรู้ก่อนว่าธุรกิจของเราทำอะไร แข่งกับใคร ราคาตลาดเป็นอย่างไร เรื่องพวกนี้อาจจะดูไม่ค่อยสำคัญแต่มันเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ตัดสินได้เลยว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน ต้องดูทั้งราคาของคู่แข่งและราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้กับคุณภาพและความพอใจที่เขาจะได้รับกลับไป ห้ามลืมเด็ดขาด
3. Place
ถ้าอยากจะทำการตลาดปี 2025 ให้มีประสิทธิภาพ ท่องไว้เลยว่า “ยิ่งเข้าถึงง่าย ยิ่งดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว” เรื่องนี้คุณพ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์ห้ามลืม ต่อให้สินค้าของเราจะดีแค่ไหน แต่ถ้าเขาหาซื้อไม่ได้แล้วมันลำบากในการตามหา มันก็จะยิ่งยากที่คุณจะได้เขามาเป็นลูกค้า
จะดีกว่าไหม? ถ้าร้านของคุณพร้อมที่จะเข้าหาลูกค้าทุกคน ลองเพิ่มช่องทางที่จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของคุณได้มากขึ้น เช่น หันมาขายออนไลน์บน Facebook, Instagram, TikTok หรือจะ Shopee กับ Lazada ก็ดี อย่าลืมว่าในยุค 2025 นี้ หลาย ๆ ธุรกิจเขาก็ปรับตัวไปขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์กันเกือบหมดแล้วเพราะมันสะดวกทั้งคนซื้อและคนขายต่อให้ไม่เจอหน้ากันก็ปิดการขายได้ด้วยนิ้วเดียว
4. Promotion
นอกจากมีสินค้าที่ตอบโจทย์ มีราคาที่จับต้องได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องมี คือ โปรโมชันเด็ดที่พร้อมจะพิชิตใจลูกค้าทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ถ้าอยากตีตลาดใหม่ ๆ ให้ร้านของคุณพร้อมยกระดับเป็นแบรนด์ดังที่ใครก็ต้องรู้จักก็คงต้องลงทุนกับการตลาดบ้าง
ถ้าอยากให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นก็ต้องลงทุนกับการโฆษณา โปรโมตร้านลงบนทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมกับจัดโปรโมชันพิเศษเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น ถ้าคุณเป็นร้านที่จะเปิดใหม่ ก็อาจจะจัดโปรโมชันฉลองเปิดร้าน หรือถ้าเปิดร้านมาสักระยะแล้วลูกค้าเริ่มน้อยลงก็อาจจัดโปรโมชันเพื่อขอบคุณลูกค้าคนสำคัญ เพื่อดึงดูดลูกค้าเก่าให้กลับมาหาแถมยังทำให้ลูกค้าใหม่ได้เห็นด้วยว่าเราใส่ใจลูกค้าทุกคนมากแค่ไหน
5. Public Relation
ถ้าอยากให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้นก็ต้องลงทุนกับค่าโฆษณาในการโปรโมตร้าน และต้องสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีอยู่เสมอ สำหรับการตลาดปี 2025 นี้ ลูกค้าจะให้ความสำคัญกับรีวิวจากลูกค้าด้วยกันเองมากกว่าที่เจ้าของแบรนด์ออกมาพูด เพราะในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น รีวิวจากลูกค้าหรือความคิดเห็นของลูกค้าที่มีต่อร้านเราพอไปอยู่บนช่องทางออนไลน์แล้วก็มีโอกาสจะเป็นไวรัลได้ง่ายขึ้นมาก
6. Personal
ในฐานะพ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์ที่เป็นเจ้าของร้านหรือเจ้าของแบรนด์ คุณก็เปรียบเหมือนสมองในการสั่งการและควบคุมทิศทางของแบรนด์ให้เป็นไปในทางที่คุณต้องการ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ พนักงาน การเทรนพนักงานให้มีความรู้และความเข้าใจในสินค้าก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในวันที่คุณไม่สามารถลงมาอยู่หน้าร้านด้วยตัวเองได้ พนักงานจะเป็นกำลังหลักในการอธิบายถึงสินค้านั้น ๆ และปิดการขายเพื่อสร้างรายได้เข้าร้านของคุณได้เป็นอย่างดี
ลองคิดภาพดูว่าถ้าทุกวันนี้คุณเดินเข้าไปในร้านขายเครื่องสำอางแต่คุณเป็นมือใหม่ที่ไม่มีความรู้เรื่องการแต่งหน้าแล้วอยากดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดี คุณก็คงอยากได้คำแนะนำจากพนักงานที่มีความรู้ในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ถ้าพนักงานของเราไม่สามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้ก็คงไม่ต่างอะไรกับการลดความน่าเชื่อถือในร้านของตัวเองไปในที่สุด
7. People
เทรนด์เรื่องการทำ CSR ในการทำธุรกิจเริ่มถูกพูดถึงมาเป็นช่วงหนึ่งแล้ว เพราะเป็นการทำประโยชน์เพื่อสังคมแถมยังทำให้แบรนด์ได้รับผลประโยชน์โดยตรงอีกด้วย เพราะชื่อเสียงของแบรนด์ก็เป็นตัวช่วยให้ลูกค้าอยากเข้ามาสนับสนุนเรามากขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างการทำ CSR ง่าย ๆ ฉบับการตลาดปี 2025 ที่ยังใช้ได้จริงไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี คือ การมอบเงินเพื่อช่วยเหลือสังคม เช่น เป็นทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนที่ต้องการมอบโอกาสให้กับเด็กนักเรียนหรืออีกรูปแบบที่เห็นได้บ่อย ๆ คือ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วมหรือไฟไหม้ ก็ทำได้ไม่ต่างกัน
8. Packagings
เชื่อไหมว่า แค่ออกแบบแพ็กเกจที่ใช้ใส่สินค้าให้ดูดีก็ช่วยยกระดับแบรนด์ของเราให้มีคุณค่าได้มากกว่าเดิมแล้ว แถมการออกแบบแพ็กเกจให้ดูดีและโดดเด่น ยังช่วยสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ของเราได้อีกด้วย
สังเกตได้เลยว่าในปี 2025 นี้ ธุรกิจแทบทุกรูปแบบที่จำเป็นต้องมีบรรจุภัณฑ์ในการใส่สินค้าให้ลูกค้าเริ่มหันมาสนใจในการออกแบบแพ็กเกจให้ดูดีเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากันมากกว่าเก่า เช่น การออกแบบเฉพาะเทศกาลหรือ Collab กับตัวการ์ตูนต่าง ๆ เรื่องนี้ยังรวมไปถึงการขายของออนไลน์ด้วย เพราะการทำ packaging ให้ดูดีและแข็งแรงพอที่จะทำให้ส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่พ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์ต้องใส่ใจ
9. Partners
สำหรับการตลาดปี 2025 นี้ การมี Potential Partnership ย่อมสร้างโอกาสให้กับแบรนด์ของเราได้มากกว่าเดิม พูดง่าย ๆ มันคือการที่เรามีเพื่อนที่รู้ใจและมาข่วยเติมเต็มในสิ่งที่แต่ละคนขาดได้เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน
การมีพาร์ทเนอร์อาจจะทำได้ทั้งในรูปแบบของบุคคลหรือระหว่างแบรนด์ด้วยกันเองก็ได้ เช่น ถ้าคุณเป็นร้านขายเสื้อผ้าแล้วมีเพื่อนที่เป็นสไตล์ลิส ออกแบบเก่ง ๆ วาดรูปสวย ๆ ก็อาจร่วมมือกัน เพื่อให้เสื้อผ้าของคุณดูโดดเด่นและแปลกตามากกว่าเก่า
10. Perception
ในยุคที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ใหม่ ๆ ที่ได้รับความนิยมหรือพฤติกรรมของลูกค้าก็ตาม กลยุทธ์การตลาดรูปแบบนี้ คือ การทำความเข้าใจ และรู้ทันทุกความเปลี่ยนแปลง ตามทันเทรนด์ต่าง ๆ อยู่เสมอ
บอกเลยว่าข้อนี้สำคัญมากกับการตลาดปี 2025 เพราะแค่คุณเข้าใจและตามทันในทุก ๆ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลานี้ มันจะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเข้ามา และธุรกิจของคุณจะเดินหน้าได้แบบไม่มีสะดุด
การตลาดแบบ 10P เป็นการตลาดที่จะทำให้คุณในฐานะพ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์ได้ทำความเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้งมากขึ้น ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการทำการตลาดได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมรับมือกับคู่แข่งได้ในทุกสถานการณ์
การใช้ระบบจัดการบ้านออนไลน์อย่าง Shipnity ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แม่ค้าออนไลน์สามารถบริหารจัดร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่แพ็กของ ตอบแชท ไปจนถึงส่งของถึงมือลูกค้า ช่วยลดเวลางาน เพิ่มเวลาไปโฟกัส กลยุทธ์การตลาดแบบ 10P ให้ประสบความสำเร็จแบบปัง ๆ
แอบกระซิบว่าราคาเริ่มต้นเพียง 890.- ทดลองใช้ฟรี 14 วัน
https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity
