ปัญหาโลกแตก ลูกค้าสนใจแต่สุดท้ายไม่ซื้อ แก้ยังไงดี? นี่คือ 5 เรื่องที่คุณไม่ควรมองข้าม
ไม่ว่าจะร้านค้าไหน ๆ ต่างก็แข่งกันเพื่อหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอ ทั้งคิดกลยุทธ์มาทำการตลาด งัดไม้เด็ดมาพิชิตใจลูกค้า แต่ทว่าสิ่งที่คุณทุ่มเทไปลูกค้าก็แค่สนใจแต่ไม่ซื้อ โดยเฉพาะแม่ค้าหน้าใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นขายของแล้วจับทางลูกค้าไม่ถูกว่าเขาต้องการอะไร อาจเป็นเพราะยังไม่รู้ว่าจะซื้อใจลูกค้ายังไงให้ปิดการขายได้ 100% นี่คือ 5 ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อสินค้าของร้านเรา
1. ทำ Customer Journey ไม่ดี
พูดกันง่าย ๆ มันคือการเดินทางของลูกค้าที่จะเข้ามาหยุดดูหน้าร้านขายของออนไลน์ของเราก่อนจะตัดสินใจซื้อสินค้าสักชิ้น ถ้าขั้นตอนการซื้อมันยุ่งยาก รายละเอียดของสินค้าบอกไม่ครบ ก็มีแววว่าลูกค้าจะโบกมือลา เรื่องนี้สำคัญมากต่อให้คุณจะเป็นมือใหม่ก็ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
ลองหันมาทำอะไรให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น เปลี่ยนการลงขายสินค้าให้ลูกค้ามานั่งตั้งคำถามให้กลายเป็นการลงขายสินค้าที่ลูกค้าจะได้คำตอบตั้งแต่คลิกเข้ามาดู แค่นี้ก็เป็นวิธีปิดการขายง่าย ๆ ต่อให้จะเป็นมือใหม่ ก็มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด
2. ความต้องการของลูกค้าอยู่ไม่นาน
โดยปกติเรามักจะสนใจอะไรได้ไม่เกิน 3 วินาที ลูกค้าก็เช่นกัน ถ้าของสิ่งนั้นไม่ได้ดึงดูดใจมากพอ หรือไม่ใช่ของที่ลูกค้ามองว่าพวกเขาจำเป็นต้องมี แค่เรื่องนี้พวกเขาก็คงเลื่อนผ่านไปง่าย ๆ และคงไม่ได้กลับมาดูซ้ำเป็นครั้งที่ 2 หรือต่อให้จะสนใจในตอนนี้พวกเขาก็จะมองว่าไว้ค่อยกลับมาซื้อก็ยังได้ เพราะร้านของคุณก็คงไม่ได้หนีไปไหน
อีกหนึ่งวิธีลัดที่คนขายของออนไลน์ชอบหยิบมาใช้ รับรองว่าต่อให้เป็นมือใหม่ก็รู้จัก “โปรโมชัน” สำหรับลูกค้าแค่ได้ยินคำนี้เงินในกระเป๋าก็คงเริ่มสั่นกันบ้างแล้ว เพราะนอกจากจะช่วยให้เขาจ่ายได้ถูกลงกว่าเดิม มันยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะจ่าย ยิ่งถ้าร้านของคุณรู้จักเอาใจลูกค้าใหม่ เติมความพิเศษด้วยการให้โปรโมชันสำหรับการซื้อครั้งแรกด้วยแล้วล่ะก็ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องยอมจ่ายให้คุณทันที
3. สินค้ามีคู่เปรียบเทียบเยอะ
ในธุรกิจทุกรูปแบบมักจะมีคู่แข่งอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับการขายของออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงอยู่ตลอดเวลา ด้วยปัจจัยที่หลากหลาย เช่น ความต้องการของลูกค้า ราคา หรือแม้กระทั่งคุณสมบัติของสินค้า ย่อมทำให้เกิดการเปรียบเทียบเป็นประจำ ยิ่งเดี๋ยวนี้สินค้าจากทุนจีนก็เข้ามาตีตลาดในไทยกันไม่พักเพื่อหาลูกค้าใหม่ในฐานตลาดที่ใหญ่กว่าเดิม
สำหรับบางคนที่เพิ่งเริ่มต้นขายของก็มองว่าเรื่องนี้เป็นวิกฤตอย่างมากต้องยอมขายตัดราคาจนสุดท้ายก็ไม่ต่างจากควักเนื้อตัวเองเข้าแลก แต่จริง ๆ การขายตัดราคาอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีถ้าอยากอยู่รอดในวงการขายของออนไลน์ ลองเปลี่ยนมาเรียนรู้และอัปเดตเทรนด์การตลาดใหม่ ๆ อยู่เสมอ วิเคราะห์ว่าอะไรที่คู่แข่งไม่มี แต่เรามี หรืออะไรที่เขาทำแล้วลูกค้าให้ความสนใจ ใช้เรื่องนี้เป็นจุดแข็งในการดึงลูกค้ากลับมา รับรองได้ว่าอย่างน้อยคุณจะนำหน้าคู่แข่งอยู่ 1 ก้าวเสมอ
4. ลูกค้ารู้สึกไม่ประทับใจในการบริการของร้านค้า
ต่อให้สินค้าของเราจะเป๊ะปังยังไง ถ้าบริการลูกค้าไม่ดีเขาก็จะไม่กลับมาซื้อซ้ำ หลายร้านไม่สนใจลูกค้า ดองแชททิ้งไว้ปล่อยให้ลูกค้ารอ 3 วันเข้ามาตอบลูกค้าที กว่าจะตอบได้เขาก็คงหาร้านอื่น ต่อให้จะเป็นมือใหม่แต่เรื่องตอบแชทเป็นเรื่องที่คุณไม่ควรพลาดเพราะเป็นหัวใจสำคัญของการขายของออนไลน์ จะปิดการขายได้ยังไงก็ต้องผ่านการด่านการคุยกับลูกค้าก่อน แต่ถ้าใครมีพฤติกรรมที่ชอบปล่อยให้ลูกค้ารอแชท ก็ต้องรีบเปลี่ยนด่วนก่อนมันจะทำให้ลูกค้าอ่านแล้วไม่ตอบเราบ้าง
บางครั้งอาจไม่ต้องมองไปที่ไหนไกล ลองย้อนกลับมามองตัวเองก่อนว่าถ้าวันนี้เราเป็นลูกค้าที่จะมาซื้อของจากร้านตัวเอง การบริการแบบไหนที่เราจะรู้สึกประทับใจ แล้วร้านของเราในตอนนี้เป็นแบบที่เราคิดไว้หรือยัง ถ้ายังไม่ใช่ก็แค่เปลี่ยน เรื่องนี้ไม่ได้ช่วยแค่ให้ร้านได้รีวิวดี แต่มันจะเปลี่ยนให้ลูกค้าใหม่กลายเป็นลูกค้าประจำได้ง่ายขึ้น
5. ลูกค้าไม่เชื่อในสินค้าเพราะคะแนนรีวิวไม่ดี
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าสนใจแต่ไม่ซื้ออาจเป็นเพราะคะแนนรีวิว เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยมากโดยเฉพาะกับลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยซื้อของจากร้านของเราเลย บางครั้งลูกค้ายังไม่ทันได้ทักแชทมาสอบถาม แค่เห็นคะแนนรีวิวแย่ก็เลือกที่จะหันไปหาร้านอื่นทันที จะโทษลูกค้าก็คงไม่ได้เพราะไม่ว่าใครก็คงอยากได้สินค้าที่มาจากร้านที่เขาจะมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ
ลองเริ่มจากการหาสาเหตุว่าที่ร้านของเราได้คะแนนรีวิวไม่ดีเป็นเพราะอะไร เช่น ส่งของช้า ส่งของผิด เพราะยังไงลูกค้าที่ซื้อของจากร้านของเราไปก็ต้องกลับมารีวิวอยู่แล้ว ถ้าเรารู้ว่าสาเหตุมาจากอะไรแล้วก็ค่อย ๆ แก้ไขปัญหาไปทีละจุด อย่าลืมแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นคนขายของออนไลน์ด้วยการขอโทษลูกค้าด้วยความจริงใจ แล้วนำข้อผิดพลาดไปพัฒนาเพื่อให้กลายเป็นร้านค้าที่ได้รีวิว 5 ดาวเต็มในอนาคต
อย่าลืมว่าลูกค้าคือคนสำคัญที่มีส่วนช่วยให้ร้านของเราเติบโตและอยู่รอดได้ ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นเพียงสัญญาณเตือนที่จะบอกคุณว่าถ้ายังไม่รีบเปลี่ยนพฤติกรรมการขายของออนไลน์ก็จะเจอปัญหาลูกค้าสนใจแต่ไม่ซื้อต่อไปไม่รู้จบ รีบแก้ก่อนที่จะสายเพื่อให้ร้านของคุณได้รีวิวดีมีลูกค้ากด 5 ดาวให้รัว ๆ
ก่อนจะจากกันไปขอฝาก Shipnity เป็นอีก 1 ตัวเลือกในดวงใจของพ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์ เพราะสามารถทำให้การจัดการร้านค้าออนไลน์เป็นเรื่องง่าย เป็นระบบหลังบ้านที่เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นขายของออนไลน์ ไม่ว่าใครก็ใช้งานได้สะดวก
ใช้ Shipnity ตอนนี้มีให้ทดลองฟรี 14 วัน
หรือสมัครในราคาเริ่มต้นเพียง 890.- > https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity