จะทำแบรนด์ให้ติดใจลูกค้ายังไง? เป็นเรื่องที่หลายร้านค้าคิดกันให้วุ่น ทั้งออกโปรปัง ๆ ทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อเอาใจคนพิเศษ เพราะสิ่งที่ทุกร้านรู้กันดี คือเราไม่มีทางเป็นที่หนึ่งในตลาดได้ถ้าไม่สู้กับคู่แข่ง แต่อย่ากังวลไป งัดทุกสกิลการขายของคุณออกมาใช้ เอาเวลาที่มัวกังวลมาคิดวิธีโพสต์ขายของให้น่าสนใจจะดีกว่า ต้องทำยังไงให้พวกเขาไม่ไปถึงมือคู่แข่ง? ต้องโพสต์ขายของยังไง ให้เขาเข้ามาซื้อเราแบบด่วนจี๋ รับรองว่าอ่านจบบทความนี้คุณจะมีไอเดียดี ๆ แน่นอนล่ะ!
1. เริ่มต้นโพสต์ขายของทั้งที ก็ให้ใช้อะไรเบา ๆ
สังเกตไหมว่าคนส่วนใหญ่จะชอบอะไรที่ง่าย ไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก จะซื้อของก็ต้องอยากได้อะไรที่รู้สึกว่าชีวิตมันง่ายขึ้น ไม่เปลืองแรง การจะซื้อใจคนกลุ่มนี้แค่ทำให้เขาเห็นภาพ มันจำเป็นมากที่ต้องทำให้เขารู้สึกว่าถ้าจะจ่ายเงินต้องได้อะไรที่คุ้มค่า หรือสิ่งที่เขาจ่ายไป ช่วยให้เขาใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
ถ้านึกไม่ออกวันนี้เรามีตัวอย่างโพสต์ขายของง่าย ๆ คุณลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นลูกค้า อะไรที่จะทำให้คุณเห็นภาพมากกว่า ระหว่าง “เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น ถ้าหันมาใช้รถสาธารณะ” กับ “ประหยัด ค่าน้ำมันลง 50% แค่หันมาใช้รถสาธารณะ” หากคุณเป็นคนที่ใช้รถเป็นประจำก็คงจะเห็นภาพได้ชัดขึ้น ต่อให้จะขับรถไปได้เหมือนกัน แต่ก็จะรู้สึกว่าการประหยัดค่าใช้จ่ายได้มันทัชใจมากกว่า นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการโพสต์ขายของที่หลาย ๆ แบรนด์เลือกใช้ในการโปรโมตสินค้าเลยล่ะ
2. เลขเด่นสะดุดตาก็ทำให้การโพสต์ขายสินค้าน่าสนใจ
เดี๋ยวนี้จะระวังคู่แข่งอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเวลาก็ไม่เคยรอเราเหมือนกัน ยิ่งเวลาทุกคนกำลังรีบ ๆ เขาจะมาสนใจโพสต์ของเราไม่เกิน 3 วิเท่านั้น โจทย์ที่เราต้องคิดคือ จะทำยังไงให้ในโพสต์ของเรามันเตะตาเขาเต็ม ๆ จนต้องหยุดนิ้วมาจิ้มบนหน้าจอ เสียง รูปภาพ ตัวเลข 3 อย่างนี้จะช่วยทำให้การขายของออนไลน์ของคุณมีลูกเล่นมากกว่าเดิม
การใช้ตัวเลขเป็นหลักจิตวิทยาที่เอามาใช้ได้จริงกับทุกการขาย หลาย ๆ ร้านเขาจะชอบใช้โปร 1 แถม 1, ซื้อชิ้นที่ 2 ลด 50% เป็นต้น ดังนั้นวิธีที่พวกเขาทำให้ลูกค้าสนใจนั่นคือการทำให้โพสต์นั้นดูเล่นใหญ่เกินเบอร์ สมมติว่า เช้านี้คุณต้องการกาแฟสักแก้วแล้วเลื่อนเจอโพสต์ขายของบนเฟซบุ๊กหรือไอจีว่า มีโปรซื้อ 1 แก้ว แถม 1 แก้ว คุณก็คงรีบไปหาเพื่อนมาหารทันที โดยที่อาจจะไม่ได้สนใจเรื่องรายละเอียดข้างในเลยด้วยซ้ำ
3. ปลุกกระแสด้วยอินฟลู คนดัง คนมารีวิวบอกต่อ ให้คนรอซื้อ
ไม่ว่าแคปชันของเราที่ใช้ในการโพสต์ขายของมันจะแน่แค่ไหน ก็ต้องแพ้ให้กับร้านที่มีรีวิวเยอะ มีดาวสูง ยิ่งถ้าเขามีคนดังหรืออินฟลูช่วยโปรโมตให้ ก็คงขายดีแบบติดจรวดเลยล่ะ แต่คุณเองก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกัน มันต้องมีบ้างอยู่แล้วคนที่ซื้อของคุณเป็นประจำลองขอให้เขาช่วยรีวิว เอาคำพูดของคนใช้จริงมาทำให้คนอื่นเห็นว่าของมันต้องมี ไม่ว่าใครก็ต้องแย่งกันซื้อเพราะไม่อยากตกเทรนด์
ถ้าคุณเล่นเรื่องรีวิวของลูกค้าที่ใช้จริงจนเบื่อแล้ว ลองจ่ายเงินจ้างแล้วส่งสินค้าไปให้อินฟลูได้ลองก่อน ถ้ามันปังจริงนอกจากเขา จะบอกต่อ เขาอาจจะมาเป็นขาประจำของคุณก็ได้ หลังจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องบอกข้อดีที่เรามีให้เปลืองแรงอยู่บ่อย ๆ ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว ไม่เกินจริง!
4. โพสต์ขายของก็บอกเขาไปว่ามีของฟรี วิธีนี้ใช้ได้เสมอ
ถ้าพูดเรื่องความคุ้มค่าคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ของชิ้นนั้นมาแบบไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแล้วล่ะ! ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันง่าย ๆ ลูกค้าหลายคนก็ต้องเลือกซื้อร้านที่ไม่มีค่าส่งมากกว่าร้านที่ทำให้พวกเขาต้องเสียเงินเพิ่ม ข้อนี้พิสูจน์ได้เพราะไม่ว่าใครก็ชอบของฟรี
ลองคิดดูเล่น ๆ ว่า ถ้าคุณซื้อของในราคา 50 บาท แล้วต้องมาเสียเงินค่าส่งเพิ่มอีก 50 บาท เพราะร้านเขาตั้งขั้นต่ำไว้ว่าซื้อครบ 90 บาทถึงจะส่งฟรี ในกรณีนี้คุณก็คงยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกไม่กี่บาท ให้ได้ของเพิ่มแล้วไม่ต้องเสียค่าส่งอีก เห็นได้เลยว่าความคุ้มค่ามันมากกว่าในราคาที่จ่ายถูกลง รู้แบบนี้แล้วถ้าร้านคุณจะจัดโปรอะไรที่ให้ค่าส่งฟรี มีของแถมฟรี หรือ ให้เขาใช้ฟรี ก็เน้นให้ตัวใหญ่ ๆ ไปเลย เพราะนี่คือกลยุทธ์ชั้นดีที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้เลยว่า ร้านนี้แหละที่พวกเขาจะจ่ายเงินให้
5. ใช้สีส้ม-แดง มาช่วยกระตุกจิต กระชากใจลูกค้า
แน่นอนว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการขายของออนไลน์ เพราะทุกโพสต์ที่คุณได้ลงในช่องทางของร้าน จะเป็นตัวช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ว่าเขาจะซื้อของคุณไหม ดังนั้นคุณก็ควรออกแบบโพสต์ขายของให้ดูน่าสนใจ ทำให้มันดูมีอะไรที่ไปกระตุกต่อมสงสัยในตัวลูกค้าให้เขาอยากหยุดนิ้วเข้ามาอ่าน
เทคนิคง่าย ๆ ถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นโพสต์ขายของ ลองใช้ทริคในการจับคู่สีในการลงโพสต์ดู เพราะสีเป็นตัวแทนของการสื่อสารทางอารมณ์ เช่น ถ้าคุณใช้สีส้มหรือสีแดงในโพสต์ มันจะช่วยกระตุ้นใจอยากให้เขาเข้ามาดู เพราะสีพวกนี้แสดงให้เห็นถึงความร้อนแรง พอดูแล้วสะดุดตา อย่างน้อย ๆ เขาก็คงเสียเวลามาให้กับโพสต์ของเราบ้างล่ะ
6. โชว์ราคาผ่อน ซ่อนราคาเต็ม
เป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อย ๆ ในการจะเลือกซื้อสินค้าบางอย่าง เช่น โทรศัพท์ โน้ตบุ๊ก เขามักจะใช้การเสนอโปรโมชันในราคาผ่อนเริ่มต้นเพียง xxx บาท นาน xx เดือนเพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าตัวเองสามารถจ่ายได้ จ่ายไหว ไม่เกินกำลังในการซื้อเพื่อแลกกับ ความสบายที่พวกเขาจะได้รับแน่นอน
เดี๋ยวนี้ในแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ก็มีตัวเลือกให้คนที่เข้ามาซื้อสินค้าได้เลือกจ่ายในราคาที่ถูกลง แทนที่จะจ่ายในราคาเต็มก็จ่าย ในราคาเท่าที่ตัวเองไหว ไม่กระทบกับการบริหารเงินในแต่ละเดือน วิธีนี้จะทำให้การโพสต์ขายของในร้านคุณไม่ยุ่งยาก แค่ใช้ตัวเลข ที่น้อย ๆ ให้เขาเห็นก็พอ แล้วก็รอรับออร์เดอร์ได้เลย
7. ปิดการขายออนไลน์ ด้วย CTA วลีสยบจิต พิชิตใจ
ในโพสต์ขายของที่ดี สิ่งที่ต้องมีคือข้อความพิชิตใจ จะปิดการขายยังไง ใช้คำพูดไหนให้ลูกค้าไม่ลังเล ไม่ต้องคิดอะไรให้มันยาก ลองทิ้งข้อความอะไรไว้สักอย่าง ที่พอเขาอ่านแล้วเกิดความรู้สึกที่ว่าถ้าไม่ซื้อวันนี้จะพลาดโอกาสอะไรไป
ตัวอย่างโพสต์ขายของที่มีการทิ้งท้ายข้อความเล่นกับใจ กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายไม่หนีไปไหนแถมทักมาซื้อจริง เช่น ส่งฟรีเฉพาะวันนี้เท่านั้น, ทักมาตอนนี้ลดไปเลย 20% ทักด่วนมีจำนวนจำกัด แค่ลองแกล้ง ๆ ใช้ตัวเลขไปแทรกหรือเล่นกับเวลาบ่อย ๆ ก็รอรับ แรงกระแทกเตรียมตอบแชทลูกค้าที่จะกระหน่ำเข้ามาว่า “สนใจ” ได้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : titlemax
สุดท้ายแล้วชั้นเชิงและวิธีต่าง ๆ ที่ได้หยิบมา ก็เป็นตัวช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมหลาย ๆ ร้านถึงมีลูกค้าทักแชทกันรัว ๆ ต้องโพสต์ขายของยังไงถึงเข้าไปอยู่ในใจเขาได้ ในเมื่อคุณรู้แบบนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเอาเรื่องในวันนี้ไปลองปรับให้ร้านคุณกลายเป็นร้านขายของออนไลน์ตัวตึงแล้วล่ะ!
ถ้าคุณพร้อมที่จะเป็นตัวจริงเรื่องการขายของ พร้อมชิงกับทุกคู่แข่งในสนามนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมนึกถึง Shipnity ตัวช่วยจัดการ ร้านค้าให้เป็นระบบมากขึ้น จะลงขายกี่ช่องทาง ก็ตอบแชททันไม่หวั่นเรื่องดราม่า พร้อมฟีเจอร์ช่วยดันยอดขายแบบจัดเต็ม ที่จะ ช่วยให้การขายของและยิง Ads มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำจบครบลูปได้ในที่เดียว !!
บริการรวดเร็ว ประทับใจเหมือนมีแฟนดูแล ต้อง Shipnity ทดลองใช้ฟรี 14 วัน คลิกเลย! > https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity