ไม่ว่าจะแบรนด์ไหน ๆ ก็หวังที่จะครองใจ Gen Z ให้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความ Loyalty กับแบรนด์ อยากเข้าไปเป็น Top of mind เพื่อที่จะได้เป็นตัวเลือกแรก ๆ เวลาพวกเขาจะเลือกซื้อสินค้าสักชิ้น แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นได้ มี 4 เรื่องที่คุณต้องรู้ เพื่อเป็นทางลัดในการมัดใจคน Gen Z Gen Z คือใครบ้าง ชวนมาทำความรู้จักให้มากขึ้น ช่วงอายุของ Gen Z คือ…
พ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์มักจะพลาดท่ากันบ่อยจากกับดักสต๊อกล้น สต๊อกขาด เพราะไม่มีการวางแผนจัดการสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของการขายของออนไลน์ เพราะจะทำให้ร้านค้าเสี่ยงขาดทุนสูง ไม่ว่าจะเป็นเงินทุนที่จมเพราะขายของไม่ออกหรือพลาดโอกาสในการขายเพราะของหมดสต๊อก ปัญหาเหล่านี้ต้องรีบรับมือให้ทันก่อนสายเกินแก้ วันนี้เราขอแชร์ 5 วิธีบริหารสต๊อกแบบมืออาชีพ ช่วยให้ร้านค้าขายของได้ไม่มีสะดุด พร้อมนอนกินกำไรได้สบาย ๆ 1. ใช้ระบบ First-In-First-Out (FIFO) ในการจัดการสต็อก ใครกำลังเผชิญปัญหาขายสินค้าล็อตเก่าไม่ทันหมด ก็มีล็อตใหม่เข้ามาแทรก มัวแต่ขายจนลืมดูวันหมดอายุ สุดท้ายของเก่าก็ขายไม่ออกต้องปล่อยทิ้งให้เงินจมทุน ต้องจำ 4 ตัวนี้ให้ขึ้นใจ “FIFO” เป็นหลักการที่ว่า สินค้าไหนที่เข้ามาก่อนก็ควรถูกขายออกไปก่อนด้วยเช่นกัน วิธีนี้เหมาะกับสินค้าหลายชนิด แต่จะเหมาะมากกับสินค้าที่มีวันหมดอายุหรือสินค้าประเภทแฟชันที่อาจตกเทรนด์ได้ไว…
ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าร้านของคุณจะใช้โปรโมชันในการดึงดูดใจลูกค้าให้เข้ามาซื้อของจากร้านคุณ แต่เคยสังเกตไหมว่าต่อให้โปรมันจะโดนใจแค่ไหน ลูกค้าหลายคนก็ไม่เคยกลับมาซื้อซ้ำเลย อาจเป็นเพราะคุณมัวแต่หาลูกค้าใหม่จนลืมใส่ใจลูกค้าเก่า เรื่องนี้หลายร้านก็กำลังเจอปัญหาอยู่แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ยังไง เรามี 5 เคล็ดลับเด็ดช่วยเสริมบริการหลังการขาย ที่จะไม่ทำให้ลูกค้าขาจรไม่หายไปจากร้านคุณ 1. ส่งข้อความขอบคุณหลังการซื้อทุกครั้ง ขั้นแรกของการสร้างความประทับใจ คงหนีไม่พ้นการกล่าวขอบคุณทุกครั้งหลังจากที่ลูกค้าซื้อของไปแล้ว เพราะมันเป็นการแสดงถึงความใส่ใจของพ่อค้า/แม่ค้า มันจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าร้านของคุณใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พวกเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ก็ทำให้ลูกค้าที่มาซื้อใจฟูได้ไม่น้อยเลยสำหรับพ่อค้า/แม่ค้าที่ขายของบนช่องทางออนไลน์ ก็สามารถใช้วิธีส่งข้อความไปขอบคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเขียนโน้ตเล็ก ๆ ส่งไปพร้อมกับของที่เราส่ง ก็ถือว่าเป็นการบริการหลังการขายรูปแบบหนึ่ง ที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจไปอีกนาน…
การขายตัดราคาในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องที่พ่อค้า/แม่ค้าควรทำ เพราะนอกจากจะเสี่ยงทำให้ร้านขาดทุนยับ ก็ยังไม่มีอะไรมารับประกันได้อีกว่าถ้ากลับมาขายในราคาเดิมแล้วจะมีลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ทางที่ดีคือคุณต้องหากลยุทธ์มาดึงดูดลูกค้าให้มาติดหนึบและไม่หนีไปหาแบรนด์อื่น แถมยังต้องมีวิธีเตรียมพร้อมในการรักษาฐานลูกค้าด้วย เพราะมันจะช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตและมั่นคงได้ในระยะยาว และคุณเองก็เริ่มต้นสร้างด้อมลูกค้าได้ แค่รู้ 6 ข้อนี้ “ด้อมลูกค้า” ดียังไง? ทำไมใคร ๆ ก็อยากจะมี เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ลูกค้ามีความภักดีกับแบรนด์จะช่วยให้เราติดตลาดได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินจ้างอินฟลูเอนเซอร์หรือ KOLs เลยแม้แต่บาทเดียว> ลูกค้าซื้อซ้ำแบรนด์ขายดีได้ในระยะยาวการมี “ด้อมลูกค้า” เป็นอีกแนวทางการรักษาฐานลูกค้า ไม่ว่าคุณจะออกสินค้าใหม่ ๆ มา ก็รับรองได้ว่าขายดีแบบเทน้ำเทท่า ยกตัวอย่าง แบรนด์ Sunsu ที่ตอนนี้ไม่ว่าใครต่างก็ถามหา…
TikTok เป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก แถมเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการขายของสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็มักจะเจอปัญหาคลิปไม่ดันฟีด คลิปโดนปิดกั้น ทำให้ยอดขายตกแบบไม่รู้ตัว รีบเช็กให้ชัวร์ว่าช่องของคุณมีคอนเทนต์หรือคำพูดไหนที่ตรงกับข้อห้าม TikTok บ้างก่อนที่จะสายเกินไป วันนี้ Shipnity จะพาไปไขข้อสงสัยพร้อม ๆ กัน 1. คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง บางครั้งคุณอาจเผลอแสดงเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงลงไปแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ช่อง TikTok ของคุณโดนปิดกั้นการมองเห็น เช่น บางครั้งคุณอาจทำคลิป POV ที่แมสมาก ๆ ใน TikTok แต่เผลอแสดงท่าทางที่สื่อถึงความรุนแรงไปโดยที่ไม่รู้ตัว ต่อสู้กัน ตบกัน…
ในยุค 2024 นี้ จะมานั่งทำงานด้วยมือเปล่าก็คงจะลำบาก แถมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยถ้าวันไหนมีลูกค้าซื้อของเข้ามาจนออเดอร์ล้นเกินที่คุณจะรับมือไหว สุดท้ายพอจัดการทุกอย่างไม่ทันก็จะส่งของให้พวกเขาได้ช้า ลูกค้าก็ตัดสินใจหันไปหาร้านอื่นมาซื้อร้านคุณแค่ครั้งเดียว ถ้าอยากพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส นี่คือ 7 เครื่องมือที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ เพราะเป็นเครื่องมือที่จะพาคุณไปสู่ประตูเงินล้าน แถมใช้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก จะมีอะไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย! 1. Prompt Lab พ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์หลายคนต่างก็จำเป็นต้องสื่อสารกับลูกค้า รวมถึงจำเป็นต้องนำเสนอสินค้าของตัวเองเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสนใจ หลายครั้งปัญหาที่คนขายของออนไลน์เจอ คือ มีรูปพร้อมจะลงโปรโมตแล้ว แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนแคปชันสื่อสารกับลูกค้าที่เข้ามาดูโพสต์แบบไหน บางทีถ้าข้อความที่สื่อสารออกไปไม่ทัชใจลูกค้าเขาก็อาจจะเลื่อนผ่านโพสต์เราไปง่าย ๆPrompt Lab เป็น 1 ในตัวช่วยทำธุรกิจที่ดี…
อยากส่งของไวไม่ให้ลูกค้ารอนาน พาร้านค้าได้รีวิวดีไม่ใช่เรื่องยาก ต่อให้เป็นมือใหม่ทำธุรกิจก็ทำได้ เริ่มสร้างความประทับใจให้ลูกค้าตั้งแต่ที่เขาเข้ามาซื้อจนถึงตอนที่เขาได้รับของตั้งแต่วันนี้ แล้วมันจะส่งผลดีถึงตอนที่ลูกค้าเข้ามารีวิวที่หน้าร้านเรา ยิ่งรีวิวของลูกค้าไปในทางบวกมากเท่าไหร่ ร้านของคุณก็ยิ่งเข้าใกล้คำว่าร้านค้าชั้นแนวหน้ามากเท่านั้น เป็นร้านค้าระดับ All-Star ที่ลูกค้าถามหา มาดูกันว่าถ้าอยากให้ของถึงลูกค้าไว ๆ มีวิธีไหนบ้างที่คุณจำเป็นต้องรู้ 1. เตรียมออเดอร์สินค้าที่ต้องส่งให้พร้อม ความประทับใจของลูกค้ามาจากความใส่ใจของร้านค้า ลองเริ่มด้วยการตอบแชทเร็ว ส่งของไว ไม่ปล่อยให้ลูกค้ารอนาน เขาจ่ายเงินเสร็จเราก็เตรียมคิวแพ็กของได้เลย วิธีนี้จะทำให้ร้านส่งของได้ไวขึ้นแต่ลองมองไปถึงวันที่ร้านของคุณขายดี มีออเดอร์เข้ามาล้นมือ เช่น มีเข้ามา 100+ ออเดอร์ต่อวัน จะใช้วิธีการจัดการออเดอร์แบบเดิม ๆ คงไปไม่รอด เสี่ยงต่อการทำออเดอร์ตกหล่น…
สังเกตไหมว่า แบรนด์ใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็มีคนพูดถึงเต็มไปหมด นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำแค่การออกมาพูดว่าสินค้าของพวกเขามันดียังไง แต่เขามีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ทำให้ลูกค้าอยากรู้ที่มาที่ไปของแบรนด์ จริง ๆ แค่วาง Story Telling ดี มันก็ทำให้การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องง่าย ไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คุณจะเอาไปเล่าให้แบรนด์ของคุณดูน่าสนใจมากกว่าเดิมได้ 1. เล่าแรงบันดาลใจ แชร์ไอเดียในการทำสินค้า ถ้าจะทำให้ลูกค้ารู้สึกอินกับสินค้าของเรา ก็ยิ่งต้องทำให้เขาเห็นถึงความจริงใจ เวลาเราตั้งใจจะทำอะไรขึ้นมาขาย ถ้าไม่ใช่เพราะความชอบก็คงได้ไอเดียหรือแรงบันดาลใจในการทำ เราอาจเอาจุดนี้มาเล่าให้ลูกค้าของเราฟัง เพื่อจะให้เขาเห็นภาพมากขึ้นว่าสินค้าชิ้นนี้มันมีที่มาที่ไป แล้วเราตอบความต้องการของเขาได้จริงเช่น ถ้าคุณเป็นแบรนด์ที่ทำเกี่ยวกับการขายเสื้อผ้า แล้วสินค้าของคุณถูกออกแบบมาเพื่อรองรับคนหุ่นหมีไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบไหนก็ใส่ได้แบบมั่นใจ ก็เอาจุดนี้ไปเล่าให้เขาฟังว่าระหว่างการออกแบบสินค้า คุณได้ทำการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย เข้าใจความต้องการของพวกเขา…
เดี๋ยวนี้จะทำธุรกิจแค่ยิง Ads อย่างเดียวมันไม่พอ ต้องมีลูกเล่นใหม่ ๆ ตัวช่วยดี ๆ มาช่วยเพิ่มยอดขาย การทำ Affiliate Marketing เลยเป็นอีก 1 ทางเลือกที่หลายร้านเขาเลือกใช้ เพราะมันทำให้ยอดขายโตไวแบบติดจรวด ใช้เงินน้อยแต่ผลประโยชน์ที่จะได้มันคุ้มค่า คุณอาจจะยังสงสัยว่ามันดีจริงมั้ย? แล้วถ้าจะเริ่มต้องทำยังไง รับรองได้เลยว่าถ้าอ่านจนจบแล้ว คุณจะเข้าใจในวิธีการทำการตลาดแบบมีนายหน้ามากขึ้นแน่! Affiliate Marketing คืออะไร? หลายคนคงเคยเห็นที่ใคร ๆ ต่างก็ออกมาแชร์กันว่านี่คืออาชีพใหม่ที่ทำเงินได้ดี บางคนก็มีเงินเป็นแสนได้ ถึงจะเริ่มทำไม่ถึงปี แต่อันที่จริงแล้วมันคือ การตลาดแบบพันธมิตร…
ไม่ว่าจะหน้าใหม่หรือหน้าเก่าต่างก็ก้าวพลาดกันมานักต่อนัก ต่อให้ขายดีแบบไม่ได้พักแต่ก็ยังเจ็บหนักเพราะไม่มีกำไร แถมพอได้ลงทุนทำธุรกิจไปก็ขาดทุนยับ นั่นก็เป็นเพราะคุณติดหล่มเดิม ๆ ของการขายของออนไลน์ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คุณต้องระวังจะได้มีวิธีเตรียมรับมือตั้งแต่เนิ่น ๆ 1. ตายน้ำตื้นเอาเงินลงทุนทำธุรกิจไปปนกับเงินส่วนตัว หลายคนชอบชะล่าใจไม่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เท่านั้นไม่พอ บางคนไม่แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีทำธุรกิจเข้าไปอีก พอมีเงินเข้ามา ก็แยกไม่ได้ว่าส่วนไหนคือเงินที่ได้มาจากธุรกิจ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระวังของพ่อค้า/แม่ค้าหน้าใหม่ ไม่ว่าจะมีหน้าร้าน หรือมาทำร้านขายของออนไลน์ ถ้าไม่ได้แยกบัญชีไว้ตั้งแต่แรก ก็มักเผลอเอาเงินมาใช้แบบไม่รู้ตัว มาดูอีกทีทุนที่จะต้องใช้ในธุรกิจก็ไม่มีแล้วทางที่ดีคือควรแยกบัญชีไว้ให้ดี 2 บัญชี โดยเป็นบัญชีสำหรับใช้ส่วนตัวและใช้กับธุรกิจ ในฐานะเจ้าของต้องจดบัญชีรายรับ-รายจ่ายไว้ด้วยจะได้ไม่พลาด พอรู้ว่าตอนนี้งบการเงินเป็นยังไงก็จะวางแผนในการลงทุนได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่อยากทำเองก็แค่จ้างนักบัญชี แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นเยอะเลยล่ะ 2.…