You are currently viewing 6 สเต็ปสร้าง “แฟนด้อม” รักษาฐานลูกค้าประจำร้าน พายอดขายแบรนด์พุ่งทะลุฟ้า

6 สเต็ปสร้าง “แฟนด้อม” รักษาฐานลูกค้าประจำร้าน พายอดขายแบรนด์พุ่งทะลุฟ้า

การขายตัดราคาในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องที่พ่อค้า/แม่ค้าควรทำ เพราะนอกจากจะเสี่ยงทำให้ร้านขาดทุนยับ ก็ยังไม่มีอะไรมารับประกันได้อีกว่าถ้ากลับมาขายในราคาเดิมแล้วจะมีลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ทางที่ดีคือคุณต้องหากลยุทธ์มาดึงดูดลูกค้าให้มาติดหนึบและไม่หนีไปหาแบรนด์อื่น แถมยังต้องมีวิธีเตรียมพร้อมในการรักษาฐานลูกค้าด้วย เพราะมันจะช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตและมั่นคงได้ในระยะยาว และคุณเองก็เริ่มต้นสร้างด้อมลูกค้าได้ แค่รู้ 6 ข้อนี้

“ด้อมลูกค้า” ดียังไง? ทำไมใคร ๆ ก็อยากจะมี

เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ลูกค้ามีความภักดีกับแบรนด์จะช่วยให้เราติดตลาดได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินจ้างอินฟลูเอนเซอร์หรือ KOLs เลยแม้แต่บาทเดียว

> ลูกค้าซื้อซ้ำแบรนด์ขายดีได้ในระยะยาว

การมี “ด้อมลูกค้า” เป็นอีกแนวทางการรักษาฐานลูกค้า ไม่ว่าคุณจะออกสินค้าใหม่ ๆ มา ก็รับรองได้ว่าขายดีแบบเทน้ำเทท่า ยกตัวอย่าง แบรนด์ Sunsu ที่ตอนนี้ไม่ว่าใครต่างก็ถามหา “หมึกกรุบ” กันไม่พัก พอมีของมาเติมลูกค้าเก่าก็รีบซื้อทันที

> ลูกค้าบอกต่อให้แบรนด์

สังเกตได้เลยว่าเดี๋ยวนี้หลาย ๆ แบรนด์ ก็เริ่มหันมาทำการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำคอนเทนต์ลง TikTok ให้ลูกค้าจำได้ มีการไลฟ์พูดคุยกับลูกค้าให้เขาเข้ามาซื้อ พอมีลูกค้าซื้อไปแล้วเห็นว่าของมันดี มีคุณภาพจริง เขาก็เอาไปบอกกันต่อจนเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ ช่วยให้ขยายฐานลูกค้าได้ง่ายกว่าเดิมแบบไม่เปลืองแรง

> ซัพพอร์ตแบรนด์ในช่วงวิกฤต

ในช่วงที่แบรนด์ของคุณอาจต้องเผชิญหน้ากับปัญหาบางอย่าง หรือดราม่าที่อาจเกิดจากความเข้าใจผิด ข้อดีของการมีแฟนด้อมที่เขาเชื่อใจในแบรนด์ของคุณ เมื่อถึงเวลานั้นแฟนด้อมกลุ่มนี้ก็จะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างแบรนด์ของคุณและให้การสนับสนุนต่อไป

> ให้ฟีดแบ็กที่เรียลและดีต่อแบรนด์คุณ 

แน่นอนว่าในทุกครั้งของการขายของเมื่อลูกค้าได้รับสินค้าแล้ว สิ่งต่อไปที่พวกเขาจะทำคือการเข้ามารีวิวสินค้า ว่าพวกเขาประทับใจหรือไม่พอใจอะไร สำหรับลูกค้าที่อยู่กับแบรนด์มาเป็นเวลานาน

> มีส่วนร่วมกับคุณบนช่องทางโซเชียล

หลายครั้งเวลาแบรนด์ของคุณมีการเปิดสาขาใหม่ จัดโปรโมชัน หรือออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มแฟนด้อมที่เป็นลูกค้าขาประจำมาช่วยกดไลก์ กดแชร์ให้กับโพสต์ของคุณ มาร่วมแสดงความคิดเห็นบนโพสต์ ทำให้โพสต์ของคุณมีโอกาสขึ้นหน้าฟีดบ่อยขึ้นและสามารถดึงดูดลูกค้าได้ง่ายขึ้น

เปิด 6 ไม้ตายเด็ดเริ่มพิชิตด้อมลูกค้าได้ตั้งแต่วันนี้

หลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นขายของออนไลน์อาจจะกำลังมองว่าการปั้นแบรนด์ให้ลูกค้าเข้าหาเป็นเรื่องที่ยาก แต่ในความจริงแล้ว ใช้แค่
6 วิธีนี้ก็การันตีได้เลยว่าแบรนด์ของคุณจะมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

1. ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็น และขยันสร้าง Story ให้แบรนด์

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าใครก็อยากฟังเรื่องราวของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ นี่ก็เป็นอีก 1 กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้า ถ้าเรื่องเล่าของเราน่าสนใจลูกค้าก็จะตามมาในไม่ช้าสังเกตได้เลยว่าหลาย ๆ แบรนด์ที่ถึงแม้จะเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่ก็ฟันกำไรเหมือนเสือนอนกินไปเรียบร้อยแล้ว นั่นเพราะเขามีการสร้างเรื่องราวของแบรนด์ให้คนรู้สึกสนใจ เล่าถึงที่มาที่ไปของการเริ่มต้นแบรนด์หรือสินค้าชิ้นนั้น ๆ ว่าเรามีจุดเด่นอะไรที่จะทำให้ลูกค้าหันมาซื้อ ทำให้เขาเห็นว่าถ้ามีเราเขาจะอุ่นใจได้แค่ไหน ยังไงก็ปิดการขายได้ไม่ยาก

2. สร้างประสบการณ์การซื้อที่ดีให้ลูกค้า

เรื่องการขายไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ แต่จะขายยังไงให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ นี่คือโจทย์ใหญ่ที่แม่ค้าออนไลน์ต้องตีให้แตก อย่าลืมว่าการบริการลูกค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องจำให้ขึ้นใจว่าถ้าอยากรักษาฐานลูกค้าให้แน่น ต้องทำให้เขาอยากอยู่กับเราไปนาน ๆ เริ่มใส่ใจลูกค้าตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาดูหน้าร้าน ทำให้การจะซื้อสินค้าจากร้านเราไม่ใช่เรื่องยาก คอยตอบทุกข้อสงสัยที่เขาทำเข้ามาและบริการลูกค้าจนกว่าเขาจะได้รับของ ถ้าทำได้ตามนี้ยังไงลูกค้าก็หลงรักแบรนด์คุณ

3. มีส่วนร่วมกับลูกค้าบ่อย ๆ อย่าหายไปนานจนเขาจำไม่ได้

ทุกครั้งเวลาที่คุณลงโพสต์ขายสินค้า หรือทำคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าของคุณ ลองสังเกตให้ดีว่ามีว่าที่ลูกค้าคนไหน ที่เขาดูเหมือนจะอยากรู้จักแบรนด์ของเรามากขึ้นหรือเปล่า ถ้าเขาเข้ามาคอมเมนต์ถามอะไรที่เกี่ยวกับสินค้าใต้โพสต์ก็อย่าลืมไปตอบให้เขาเห็นเราบ่อย ๆ พอเริ่มมีฐานลูกค้าแล้วการจะเพิ่มลูกค้าและรักษาลูกค้าก็เป็นเรื่องที่คุณต้องทำต่อ ลองหากิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลูกค้าของคุณได้ร่วมสนุก หรือจัดโปรโมชันดี ๆ ให้แทนคำขอบคุณ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นและรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้

4. รับฟังทุกฟีดแบ็กด้วยความจริงใจ

ไม่ว่าคุณจะพอใจกับสินค้าของคุณที่ลงขายหรือปล่อยออกไปมากแค่ไหน ก็ห้ามลืมฟังความคิดเห็นของลูกค้าเด็ดขาด เพราะเขาคือกลุ่มคนที่ใช้สินค้าของเราจริง ๆ อย่าลืมว่าดีของเราอาจจะไม่ใช่ดีสำหรับคนอื่น ถ้าเขามีข้อเสนอแนะอะไรที่จะช่วยให้แบรนด์ของบเราพัฒนาจนปิดข้อบกพร่องไปได้ก็น้อมรับไว้ด้วยความจริงใจและทำให้พวกเขาเห็นว่าคุณใส่ใจความคิดเห็นของลูกค้าอยู่เสมอ

5. ทำให้ลูกค้าติดใจแบรนด์

ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าอยากให้ลูกค้าติดใจแบรนด์ต้องเริ่มที่ตัวเราว่ามีอะไรเป็นจุดเด่นที่จะทำให้ลูกค้าจำเราได้ ลองหากิมมิคเล็ก ๆ ที่จะเป็นจุดขายของแบรนด์นอกเหนือจากเรื่องการจัดโปรโมชัน เช่น มีบัตรสะสมแต้มที่จะทำให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกได้รับสิทธิพิเศษที่แตกต่างจากลูกค้าคนอื่น ๆ มีการเลื่อนขั้นของระดับสมาชิกให้ได้รับสิทธิพิเศษที่ใหญ่ยิ่งขึ้น สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าสามารถนำแต้มมาแลกเป็นของรางวัลน่ารัก ๆ ที่มีเฉพาะในร้านได้ รับรองได้เลยว่าต่อให้ลงขายไป 100 ครั้ง ก็มีลูกค้าซื้อทั้ง 100 ครั้งแน่นอน

6. ทำทุกอย่างที่กล่าวมาให้มีความสม่ำเสมอ

ความน่าสนใจของการสร้างแบรนด์หรือการทำร้านค้าอาจไม่ได้มีเพียงแค่กิจกรรมหรือโปรโมชันใหม่ ๆ แต่การใส่ใจลูกค้า เทคแคร์ดีให้เหมือนกับมีแฟนคอยดูแล ทำทุกอย่างที่เคยทำให้เหมือนเป็นเรื่องปกติ ทำให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจจะบริการลูกค้าด้วยความใส่ใจจริง ๆ เพียงเท่านี้การจะดึงลูกค้าให้หันมาเป็นแฟนด้อมของเราและรักษาฐานลูกค้าของเราไม่ให้หนีไปหาร้านอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ท้ายที่สุดนี้ 6 ข้อที่นำมาให้เลือกใช้สร้างกลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้ามีความภักดีกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น พลังของ Brand Loyalty จากลูกค้าสำคัญมากตั้งแต่วันที่เราเริ่มต้นทำธุรกิจจนถึงวันที่เราประสบความสำเร็จ ไม่ว่าระหว่างทางร้านของคุณจะเจอปัญหาอะไร ขอแค่คุณสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและมีแฟนด้อมประจำแบรนด์ก็รับรองได้เลยว่าวิกฤตต่าง ๆ จะไม่สามารถทำอะไรกับแบรนด์ของคุณได้

Shipnity-LOGO

อยากมีด้อมลูกค้าง่ายๆ พร้อมจัดการร้านค้าอยู่หมัด
ต้องมีตัวช่วยจัดการหลังบ้านอย่าง Shipnity
ให้คุณบริหารสต็อกสินค้า พร้อมจัดการออเดอร์ทุกแพลตฟอร์ม
เก็บประวัติข้อมูลลูกค้าให้ครบ พร้อมทำ CRM คนไหนซื้อซ้ำกี่วัน ก็ทราบได้!
หลังบ้านพร้อมโต การตลาดพร้อมไป พาแบรนด์ไกลไม่ใช่เรื่องยาก!

เริ่มต้นแพ็กเกจเพียง 890.-
ทดลองใช้ฟรี! 14 วัน คลิก >  https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
☎️ โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity