You are currently viewing ขายแพงยังไงให้ลูกค้าซื้อ ถอดรหัสการสร้างแบรนด์จากการเล่าเรื่อง โดยใช้ Story Telling

ขายแพงยังไงให้ลูกค้าซื้อ ถอดรหัสการสร้างแบรนด์จากการเล่าเรื่อง โดยใช้ Story Telling

สังเกตไหมว่า แบรนด์ใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็มีคนพูดถึงเต็มไปหมด นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำแค่การออกมาพูดว่าสินค้าของพวกเขามันดียังไง แต่เขามีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ทำให้ลูกค้าอยากรู้ที่มาที่ไปของแบรนด์ จริง ๆ แค่วาง Story Telling ดี มันก็ทำให้การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องง่าย ไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คุณจะเอาไปเล่าให้แบรนด์ของคุณดูน่าสนใจมากกว่าเดิมได้

1. เล่าแรงบันดาลใจ แชร์ไอเดียในการทำสินค้า

ถ้าจะทำให้ลูกค้ารู้สึกอินกับสินค้าของเรา ก็ยิ่งต้องทำให้เขาเห็นถึงความจริงใจ เวลาเราตั้งใจจะทำอะไรขึ้นมาขาย ถ้าไม่ใช่เพราะความชอบก็คงได้ไอเดียหรือแรงบันดาลใจในการทำ เราอาจเอาจุดนี้มาเล่าให้ลูกค้าของเราฟัง เพื่อจะให้เขาเห็นภาพมากขึ้นว่าสินค้าชิ้นนี้มันมีที่มาที่ไป แล้วเราตอบความต้องการของเขาได้จริง

เช่น ถ้าคุณเป็นแบรนด์ที่ทำเกี่ยวกับการขายเสื้อผ้า แล้วสินค้าของคุณถูกออกแบบมาเพื่อรองรับคนหุ่นหมีไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบไหนก็ใส่ได้แบบมั่นใจ ก็เอาจุดนี้ไปเล่าให้เขาฟังว่าระหว่างการออกแบบสินค้า คุณได้ทำการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย เข้าใจความต้องการของพวกเขา นี่เป็นหนึ่งในวิธีของการสร้างแบรนด์ที่ทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าของสินค้าชิ้นนั้นและยอมจ่ายเงินให้เรา

2. เล่าขั้นตอนการผลิต เลือกสิ่งที่คัดมาอย่างดี

อีกเรื่องสำคัญของการสร้างแบรนด์คือการใส่ใจในคุณภาพของสินค้า เรื่องนี้นับรวมไปถึงวัสดุต่าง ๆ ที่สร้างความสวยงามให้กับสินค้าแต่ละชิ้น บางครั้งคุณตั้งราคาแพงแต่ไม่ได้อธิบายถึงคุณภาพของวัสดุที่คุณเลือกมาใช้ ก็คงมีบ้างที่จะทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันแพงไปหรือไม่คุ้มค่าที่จะจ่าย

เรื่องนี้คุณพ่อค้า/แม่ค้าออนไลน์คงต้องเปลี่ยนวิธีการนำเสนอสินค้าที่ให้ลูกค้าได้เห็นมากกว่าภาพถ่ายหรือดีไซน์ เช่น เพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ ว่ามันไม่ใช่เกรดทั่ว ๆ ไปที่หาซื้อได้ทุกที่ แต่มันมีความพิเศษตั้งแต่วัสดุที่เลือกใช้ เพราะมันถูกออกแบบมาให้เหมาะกับคนที่จะใส่เสื้อผ้าชิ้นนี้ได้แบบมั่นใจจริง ๆ  อย่าลืมว่าการสร้างแบรนด์ที่ดีก็ต้องเริ่มที่การสร้างตัวตนให้กับแบรนด์ก่อน เรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้มันมีผลต่อใจที่จะทำให้ลูกค้าซื้อจริง ๆ นะ 

3. เล่าถึงคนออกแบบ หรือ เล่าว่า Collab กับแบรนด์ไหน

ปิดการขาย

วิธีนี้แบรนด์เสื้อผ้าหลาย ๆ แบรนด์ก็เลือกใช้ ไม่ว่าจะแบรนด์ไทย หรือ แบรนด์ต่างประเทศ ที่มีศิลปินหรืออินฟลูเอนเซอร์เป็นผู้ออกแบบ หรือบางแบรนด์ก็ไป Collab กับอนิเมชันชื่อดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก มันช่วยกระตุ้นยอดขายได้จริง ยิ่งไปกว่านั้นนี่ถือเป็นการสร้างแบรนด์ที่เหมาะกับแม่ค้าสาย Introvert เพราะเราไม่จำเป็นต้องออกมาพูดถึงสินค้าด้วยตัวเอง แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชื่อศิลปินที่เราไปออกแบบร่วมกับเขาได้เลย

อีกมุมหนึ่งนี่ถือว่าเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ลองคิดดูว่าถ้าคุณไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ แล้วได้ร่วมงานกับศิลปินหรือคนที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนหลาย ๆ กลุ่ม มันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ทันทีว่าสินค้าของคุณมันดีจริง ไม่งั้นคงไม่มีใครกล้ามาร่วมงานด้วย พอเป็นแบบนั้นแล้วลูกค้าก็จะยอมจ่ายให้กับสินค้า Collection นั้น เพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นสินค้าที่มีความ Limited แพงแค่ไหนก็ยอมจ่าย

4. เล่าให้เห็นภาพ แสดงความจริงใจ โชว์ให้ชัดถึงประโยชน์ของสินค้า

หลายครั้งเวลาที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้ออะไร สิ่งที่พวกเขาอยากรู้คือ คนอื่นพูดถึงสินค้าชิ้นนั้นว่ายังไงบ้าง ดีจริงมั้ย คุ้มค่ารึเปล่า แต่สำหรับคนขายของออนไลน์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า วิธีที่คุณจะเอามาเล่าได้อีกเรื่อง คือ การทำให้เขาเห็นสินค้าจริง ลองออกมาไลฟ์ขายเสื้อผ้า ใส่ชุดในร้านให้เขาดูว่ามันแมตช์ได้กี่ลุค ถ้าเขาอยากเห็นสินค้าตัวไหนก็เอาให้ดูอีก มันจะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เรื่องนี้แทบจะใช้ได้กับทุกรูปแบบของการขายของออนไลน์ เช่น ถ้าคุณตัดสินใจที่จะเพิ่มรายการขนมเข้ามาในร้าน แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะไปรอดมั้ย ก็อาจจะลองทำสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้าได้ลองเอากลับไปชิม หรือไม่ก็อาจจะส่งให้เพื่อนได้ช่วยรีวิว ก่อนวางขายจริงแล้วมันจะช่วยให้สินค้าจริงของคุณดึงดูดลูกค้ามานับไม่ถ้วน

5. เล่าอุปสรรคของการขาย และความภูมิใจที่ขายได้

ทุกคนล้วนสนใจเรื่องเล่าของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องเล่าจากปากของคนที่ประสบความสำเร็จ ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของแบรนด์แล้วมีสินค้าในร้านของคุณที่ขายดีมาก ๆ เติมของอีกกี่ที ก็ Sold Out ได้ทุกครั้ง ลองหยิบเอาเรื่องราวของแบรนด์คุณขึ้นมาเล่าว่าสินค้าชิ้นนี้ทำยังไงให้ได้ใจลูกค้าไปครอง จุดเริ่มต้นของสินค้าชิ้นนั้น ทำไมถึงตัดสินใจที่จะออกมาวางขาย แล้วจุดไหนที่ทำให้รู้ว่ามันปังจริง ไม่ว่าใครก็อยากฟัง

แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนจะสนใจแค่เรื่องที่คุณประสบความสำเร็จ ระหว่างทางมันอาจจะมีอุปสรรคบ้าง เช่น แพ็กของไม่ทัน ฟีดแบ็กไม่ดี ลองเล่าให้พวกเขาฟังว่าตอนที่คุณเจอปัญหาเหล่านี้ มีวิธีแก้ปัญหายังไงให้ธุรกิจยังไปต่อได้ แสดงให้เขาเห็นถึงความใส่ใจว่าคุณพยายามแก้ปัญหาให้กับลูกค้า เพื่อให้พวกเขาประทับใจมากที่สุด

หัวใจของการสร้างแบรนด์อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณประสบความสำเร็จได้ยังไง แต่มันอาจรวมไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระหว่างทางในเวลาที่คุณกำลังทำธุรกิจนี้ จริง ๆ การนำเสนอสินค้าก็มีรูปแบบที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้เรื่องราวแบบไหนที่คุณได้มีประสบการณ์ตรง ทีนี้ก็ถึงเวลาของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างคุณ ที่จะลงสนามจริงไปสร้างแบรนด์ให้มีคุณค่าและน่าจดจำในสายตาของคุณลูกค้าแล้วล่ะ

Shipnity-LOGO

ก่อนจะจากกันไปถ้าใครกำลังมองหาตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเป็นระบบมากขึ้น อย่าลืมนึกถึง Shipnity
ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ ที่ให้คุณได้ลงขายสินค้าพร้อมเชื่อมสต๊อกให้ในทุกช่องทาง สามารถดูรายงานยอดขายได้
ว่าชิ้นไหนที่ขายดีในร้านคุณ เผื่อจะมีไอเดียในการเล่าเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณมากขึ้น

เริ่มต้นเพียง 890.- หรือทดลองใช้ฟรี 14 วัน
คลิกเลย! >
https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
☎️ โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity