You are currently viewing ขายอะไรดี?? เริ่มต้นขายของออนไลน์ฉบับมือใหม่หัดขาย

ขายอะไรดี?? เริ่มต้นขายของออนไลน์ฉบับมือใหม่หัดขาย

ในยุค E-commerce เติบโตขึ้นทุกๆปี เป็นกระแสฮอตฮิตที่ต้านทานไม่ได้ และเป็นช่องทางการหารายได้เสริมอีกทางนอกจากการทำงานประจำ ไม่ต้องใช้การลงทุนที่มากมายนักเพราะไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน คลังสินค้า พนักงานขาย ฯลฯ ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ

       เราต่างได้เห็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการขายของออนไลน์มากมาย ไม่ว่าจะตามกระทู้ Pantip ที่แชร์กันนักต่อนักหรือเว็ปไซต์ต่างๆ แล้วคนอย่างเราล่ะ ? ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ใดๆมาก่อน เราจะเริ่มต้นขายสินค้าอะไรดี จึงเป็นปัญหาใหญ่โดยเฉพาะกับแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์มือใหม่ เรามาดูกันดีกว่าว่าคนธรรมดาอย่างเรา จะเริ่มชีวิตแม่ค้าออนไลน์ด้วยสินค้าแนวไหนได้บ้าง เพื่อจะประสบความสำเร็จในสักวันหนึ่ง หากเรามีใจสู้ อดทน และไม่ท้อถอย !


หาสินค้าที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ

สินค้าถือว่าเป็นพระเอก-นางเอกของเราเลยละ เพราะเสมือนเป็นตัวตัดสินว่าจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้หรือไม่ โดยเราสามารถเสาะหาสินค้าได้ตามดังนี้เลย

ประดิษฐ์สินค้าเอง (D.I.Y)

หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีความครีเอทและชื่นชอบการประดิษฐ์สิ่งของ ลองนำลงขายดูเพียงไม่กี่ชิ้นเพื่อทดสอบตลาดก่อน เพราะสมัยนี้การประดิษฐ์สินค้าเองต่างได้รับความนิยมชมชอบเพราะเป็นสินค้าที่มีชิ้นเดียวในโลกแสดงถึงความประณีต ความละเอียด และมีความแตกต่าง ไม่ซ้ำของคนอื่นๆอีกด้วย อีกทั้งเราสามารถกำหนดราคาต้นทุนสินค้าของเราได้เองอย่างชัดเจน


สินค้าที่เราถนัด,สนใจ

      เพราะเมื่อเราสนใจ มีความชื่นชอบด้านไหน ต่อให้ไม่มีความถนัดมากนักแต่อย่างน้อยจะทำให้เรามีแรงจูงใจในการฝักใฝ่เรียนรู้มากขึ้น และเนื่องจากเราชอบเป็นการส่วนตัว ทำให้ตัวเรารู้จักกับสินค้าของเราได้อย่างดี เก็บข้อมูลรายละเอียดได้ดีอีกด้วย เช่น เราชื่นชอบการตกปลา สินค้าที่นำมาขายคือ สายเอ็นตกปลา. ชุดรอกและคันเบ็ด เหยื่อตกปลา หรือ เราชื่นชอบการมีสุขภาพดี สินค้าที่นำมาอาจจะเป็นชุดผักสุขภาพ ขนมแบบออแกนิก อุปกรณ์ออกกำลังกาย ดังนั้นยามลูกค้าของเรามีข้อสงสัย เราสามารถตอบปัญหาได้อย่างเคลียร์ทุกคำถาม แถมยังแนะนำความรู้ดีๆให้แก่ลูกค้า สร้างความประทับใจอย่างไม่รู้ลืมจนเกิดการบอกต่อ และทำให้เราได้ลูกค้าใหม่มาเรื่อยๆในอนาคตด้วยนะ

สินค้าจากแหล่งโรงงาน

      หากว่ามีเงินทุนหรือเงินเก็บพอสมควร การครีเอทสินค้าในแบบฉบับของเราแล้วหาโรงงานรับจ้างผลิต (OEM : Original Equipment Manufacturer) ด้วยความที่โรงงานแบบผลิตเองนั้นมีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ  เราสามารถกำหนดต้นทุนได้เองอย่างชัดเจนและยังออกแบบตัวสินค้าได้ตามกำหนดโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง และด้วยความที่เราเป็นคนออกแบบสินค้าเองจึงทำให้เราทราบรายละเอียดตัวสินค้าอย่างดีที่สุด ครบถ้วน ได้สเปคสินค้าตามใจหมาย ส่งผลให้เราวางแผนร้านค้าเราได้อย่างดี

สินค้าที่ติดตลาด

     ถึงแม้ว่าคู่แข่งจะมีมากเหลือเกินในตลาด แต่ถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบอย่างนึงหากลองมองโลกในแง่ดีนั่นคือตัวสินค้าเป็นที่รู้จักอย่างดีอยู่แล้ว ตัวสินค้ามีความน่าเชื่อถือสูง มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องเริ่มต้นโปรโมทอะไรมากมายเพื่อให้ลูกค้ารู้จักมากนัก  แต่เราสามารถต่อยอดโดยใช้กลยุทธ์และโปรโมชั่นเข้ามาช่วยสำหรับร้านค้า เช่น การจัดโปรโมชันลดราคา ค่าส่งฟรี เป็นต้น แต่หากเทรนด์สินค้าอยู่ในช่วงขาลง เราเองก็ต้องรีบออกจากตลาดให้ไวโดยรีบขายในราคาถูก เพื่อไม่ให้สต็อกค้างแล้วระบายไม่ออก

สินค้ามือสอง

       ไม่ต้องเงินทุนมากนัก ต้นทุนค่อนข้างต่ำ อีกทั้งมีให้เลือกไม่แพ้สินค้ามือหนึ่ง ซึ่งสินค้ามือสองยุคนี้มีให้เลือกตั้งแต่กระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าญี่ปุ่น รถยนต์ ฯลฯ เรียกว่าอะไรที่ไม่ใช่สินค้าใหม่แกะกล่อง สามารถนำมาเป็นสินค้ามือสองได้ทั้งนั้น แต่ก็ต้องมีการคัดเลือกมากเป็นพิเศษ  ถึงจะได้สินค้าที่คุณภาพเหมาะสมกับราคา รวมถึงสภาพของสินค้ายังดีอยู่ การไปเลือกซื้อจากแหล่งรวมแล้วมานั่งทำความสะอาด จัดการในส่วนที่ดูไม่ดี ก็สามารถทำให้สินค้าดูน่าสนใจ ทำให้ลูกค้าประทับใจและขายได้ไม่ยากนัก

ตัวแทนจำหน่าย

      มีให้เลือกทั้งแบบสต็อกสินค้าและไม่ต้องสต็อก เพียงแค่พยายามขายสินค้าให้ได้เท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากลงทุนอะไรมากมายในการผลิตสินค้าเอง การเป็นตัวแทนช่วยให้เรามีรายได้จากการลงทุนที่น้อยกว่า แบกรับความเสี่ยงจากการลงทุนน้อยลงด้วยเมื่อเทียบกับเจ้าของแบรนด์ การไม่หยุดนิ่งและศึกษาในด้านที่ตัวแทนจำเป็นต้องรู้ รู้จักวางแผนการขาย หากทำได้แล้ว รายได้ก็ย่อมตามมาอย่างแน่นอน

เสาะหา Trend ด้วย Google Trend

     Google Trend ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถใช้ Keyword ตรวจดูแนวโน้มของแต่ละประเภทสินค้าว่าสินค้าตัวไหนถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ หรือสินค้าใดมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ โดยเครื่องมือนี้วัดจากช่วงเวลาต่างๆ เช่น เดือน ปี และวัดจากพื้นที่ได้ด้วยว่าสินค้านั้นเป็นที่ชื่นชอบในพื้นที่ไหนมากที่สุด ซึ่งเราสามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรีที่ https://www.google.com/trends/?hl=th


        อย่างไรก็ตามแม้ว่าช่องทางการค้นหาสินค้าจะมีมากมาย และดูเหมือนการขายของออนไลน์ง่ายดายเหลือเกิน แต่ทุกๆอย่างบนโลกนี้ไม่ได้ง่ายดายโดยปราศจากความพยายาม เราควรศึกษาหาข้อมูลรายละเอียดของสินค้าและหาข้อมูลลูกค้าก่อน จะทำให้เราสามารถตีกรอบได้แคบลงและตีโจทย์ได้ละเอียดขึ้นว่าควรจะเริ่มต้นขายสินค้าอะไรดี เช่น ขายสินค้าแบบ Mass Market (การขายสินค้าแบบเน้นมวลชนจำนวนมาก นิยมในกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง เช่น สบู่ แชมพู ในราคาทุกคนเอื้อมถึง) ขายสินค้าแบบ Niche Market  (การขายสินค้าแบบเน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม เจาะจงแบบกลุ่มย่อยๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของตลาดรวมทั้งหมด เช่น สินค้าสำหรับกลุ่มชื่นชอบศิลปินเกาหลี , คนตั้งครรภ์) จากนั้นศึกษาว่าตัวเรามีเงินทุนเท่าใด เหมาะกับลงทุนขายสินค้าแบบใด การเขียนลงกระดาษจะช่วยร่างความคิดให้เป็นรูปธรรมและนำไปสู่การปฎิบัติได้ดียิ่งขึ้น 

         ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องหมั่นพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการให้ดีขึ้นเสมอ หมั่นใส่ใจความต้องการของลูกค้า ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆนานาที่เกิดขึ้นของลูกค้า เพราะการที่ลูกค้าให้ความสนใจแก่เรา ลูกค้าก็มีต้นทุนเวลาที่ต้องเสียเช่นกัน หากเราสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เผลอๆอาจจะแนะนำร้านเราต่อขยายแบบวงกว้างด้วยนะ ถ้าเมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่สินค้าและบริการของร้านเราติดตลาด ลูกค้าให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น บันไดถัดไปที่ท้าทายต่อร้านค้าออนไลน์ของเรามากขึ้นคือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ไว ไม่ผิดพลาดและประหยัดต้นทุนในการบริหาร ดังนั้น ค่อยคิดถึงการมีระบบการจัดการและการบริหารหรือระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ปัง ปัง แถมยังมีเวลาไปใช้ชีวิตด้วย


……………………………………………………………………..

แชร์ประสบการณ์ฉบับแม่ค้าออนไลน์ หรือมีข้อมูลดีๆมาบอกต่อ ร่วมเม้ามอยท์ พูดคุยได้ที่นี่ 
สมาคมคนขายของและบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ by SHIPNITY

( Link : https://www.facebook.com/groups/1865849733720233/?source_id=805427532888306)