หลายคนทำธุรกิจต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือ “กำไร” แต่ถึงอย่างนั้นก็มีปัจจัยหนึ่งที่ตีคู่กันมาเสมอนั่นคือ “ต้นทุน” ถ้าวางแผนสองสิ่งนี้ไม่ดีพอ แทนที่จะได้กำไรเข้าเนื้อ ก็อาจถูกคำว่า “ขาดทุน” กัดกินเนื้อแทน
ต้นทุนในธุรกิจขายของออนไลน์ก็มีทั้งแบบทางตรงและต้นทุนแฝง เช่น ค่าเช่า ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าแรงพนักงาน ค่าเสียเวลา
ค่ายิงแอด ค่าใช้จ่ายในการโปรโมตทำการตลาด บางเดือนคุณจะเห็นค่าใช้จ่ายอีกเยอะที่บางครั้งมันก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่นักสำหรับธุรกิจ
หากคุณรู้จักวางแผนบริหารจัดการให้ดี ก็ลดค่าใช้จ่ายในบริษัทตรงนี้ไปได้เกือบครึ่ง กำไรที่มากกว่าเดิมก็อยู่แค่เอื้อม แถมขายดีขึ้นกว่าเดิม และนี่ก็คือ 4 วิธี ที่จะช่วยคุณลดต้นทุนแบบมือโปร ให้ได้กำไรเข้าเนื้อเต็ม ๆ ธุรกิจมั่นคงและยั่งยืน ปลอดภัยจากคำว่าขาดทุนเป็นแน่
1. ลดต้นทุนโดยใช้เทคโนโลยีช่วยทุ่นแรง

งานไหนที่ใช้เวลานาน เปลืองแรงพนักงานหากลดค่าใช้จ่ายได้ก็ลดเถิด เอาเท่าที่จำเป็นต้องจ่ายจริง ๆ หรือ หันมาใช้เทคโนโลยีอีกแรง ก็ช่วยประหยัดต้นทุนพนักงานที่แบกอยู่ลงได้เยอะ เช่น การใช้ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ เข้ามาช่วยในการบริหารงานหลังบ้าน
จากปกติที่ร้านค้า มีการจดและรีเช็กออเดอร์ลูกค้าด้วยมือ ใช้แรงพนักงานหลายคนนับกันเอง ก็หันมาใช้ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์
ในการทำงานแทนเพื่อลดต้นทุน ลด cost เกี่ยวกับพนักงานลง
Shipnity เองก็เป็นระบบช่วยแม่ค้าออนไลน์ ช่วยจัดการออเดอร์แต่ละช่องทาง เชื่อมได้ทุก Marketplace ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, TikTok Shop, Line Shopping รวมถึง Social Media ต่าง ๆ อย่าง Facebook, Instagram, LINEOA
เมื่อออเดอร์เข้ามา ระบบเรียงคิวออเดอร์ให้ออโต้ มีระบบติดตามสถานะลูกค้า โดยสามารถดูได้ว่าลูกค้าคนนี้แจ้งโอนหรือยัง กำลังพิมพ์ที่อยู่ แพ็กสินค้า หรือส่งสินค้าให้แล้ว ระบบอัปเดตให้ Real-Time ทันเหตุการณ์ เช็กได้ทุกสถานะลูกค้าทุกออเดอร์ได้ผ่านเว็บออนไลน์ การมีระบบช่วยจัดการเช่นนี้ก็จะช่วยเบาแรงพนักงานลงได้เยอะ ไม่ต้องจ้างเพิ่มให้วุ่นวาย นอกจากลดต้นทุนแล้วยังลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลาได้อีกเยอะ
2. ลดต้นทุนแพลตฟอร์ม โดยหันมา “ขายบนช่องทางโซเชียลตัวเอง”

2024 ยังคงเป็นยุคทองแห่ง E-Commerce ก็จริง ใคร ๆ ต่างก็แห่กันไปขายบนแพลตฟอร์มตัวกลางที่คนนิยมช้อปปิ้ง
แต่สิ่งเหล่านี้ก็ต้องแลกมาด้วยการเสียค่า GP โดนหักค่า % ให้แพลตฟอร์มไม่น้อยเลย ยังไม่รวมกับต้นทุนอื่น ๆ ในการทำงาน
เช่น ค่าแรงพนักงาน อุปกรณ์แพ็คของ ค่าส่ง และอื่น ๆ
ซึ่งคนส่วนใหญ่ในตอนนี้คงจะมองข้ามของดีใกล้ตัวกันหมดแล้ว เพราะจริง ๆ ยังมีอีกเทคนิคลดต้นทุนที่คาดไม่ถึงอย่างการ
“ขายของบนช่องทาง Social Media (Social Commerce) ของตัวเอง” อย่างเช่น Facebook, Instagram, LINEOA,
Sale Page และเว็บไซต์ส่วนตัวต่าง ๆ
หลายคนอาจหลงลืมไปว่าการขายบนช่องทางเหล่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องเสียค่าตัวกลางให้แพลตฟอร์มเลย เพราะสามารถสร้างเพจ สร้างแอคเคาท์ ลงขาย ลงโปรโมตการตลาดแบบออร์แกนิกได้ฟรี! ซึ่งช่วย “ลดต้นทุน” ธุรกิจออนไลน์ได้เยอะมาก นอกจากนี้คุณยังมีอิสระอย่างเต็มที่ในการบริหารจัดการร้านค้าและทำทุกอย่างเอง ตั้งแต่การทำคอนเทนต์ ยิงแอด จัดโปรโมชัน ได้เป็นเจ้าของข้อมูล (DATA) ลูกค้าทั้งหมด ใกล้ชิดกับลูกค้าได้ทันใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน โดยไม่ผ่านตัวกลางอย่างแพลตฟอร์มต่าง ๆ นั่นเอง
3. ลดต้นทุนโดยการเลิกดองเค็ม ระบายสินค้าคงเหลือ/สินค้าค้างสต๊อก

สินค้าค้างอยู่ในสต๊อกเหลืออยู่จำนวนเท่าไหร่? อย่าได้เสียดายเกินไปนัก อะไรปล่อยเซลขายไปได้ก็จะยิ่งดีมาก ตอนธุรกิจขาขึ้นตุนของสต๊อกไว้ขายตั้งมากมาย แต่สุดท้ายขายไม่ออก ทำให้มีสินค้าคงเหลือ/ค้างสต๊อก #รอระบาย เยอะจนเกินจะรับไหว
โปรดอย่าลืมว่าของทุกอย่างที่มีในมือล้วนเป็นต้นทุนที่คุณถืออยู่ หากไม่ทำอะไรสักอย่าง คุณได้ขาดทุนเงินทุนจมหายไปกับสินค้าเป็นแน่แท้ ดังนั้น ถ้าหากสามารถเปลี่ยนให้มันเป็นเงินสดได้ก็เปลี่ยน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กำไรเท่าของเดิม แต่อย่างน้อยได้ทุนคืนมาบ้างก็ยังดี ซึ่งวิธีจัดการกับสินค้าคงเหลือ/สินค้าค้างสต๊อกพวกนี้ก็มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
- จัดโปรโมชันบุฟเฟ่ต์ ซื้อหลายชิ้น ราคาเดียวคุ้ม
- ไลฟ์สดขายของ เน้นให้คนรีบ CF ในราคาถูก ๆ เพื่อที่จะได้ระบายสินค้าเร็ว ๆ
ร้านค้าควรวางแผนจัดการสต๊อกให้เป็นระบบ กำลังซื้อ ทุนเรามีเท่าไหร่ ไม่ควรสั่งผลิตมามากเกินความต้องการขาย จะได้เห็นสภาพคล่องของธุรกิจตัวเองอย่างครบถ้วน ไม่ขาดทุนหรือเกิดการลงทุนที่มากเกินไป
4. อย่าลืมวางแผนบริหารงบการเงิน เพื่อปรับลดต้นทุนที่จำเป็น

กางแผนการเงินการลงทุนมาดูเพื่อการบริหารที่มั่นคง รวมไปถึงการทำบัญชี รายรับ-รายจ่าย-ต้นทุนให้ละเอียดว่าต้องมีเงินเท่าไหร่เพื่อให้กำหนดงบในการขายต่าง ๆ ได้เพียงพอ ตั้งแต่สินค้า บริการ ทีมงาน และค่าใช้จ่ายจิปาถะ จะนำเงินทุนไปใช้กับอะไรบ้าง หรืออะไรที่มันเกินจำเป็นก็ตัดออก แต่อะไรที่ควรลงทุนก็ลงทุน
ต้นทุนที่ว่า ไม่ได้หมายถึงแค่สต๊อกสินค้าที่จะเติมเพื่อขายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่ค่าโฆษณา ค่าทีมงาน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกเพียบ
ถ้าหากคุณไม่เคยทำบัญชีหรือวางแผนจริงจัง คุณจะไม่มีทางทราบได้ว่าต้นทุนที่ถืออยู่ในมือจริง ๆ ของคุณคืนทุนมาเท่าไหร่ ขาดทุนเท่าไหร่ ไม่เห็นเม็ดเงินของกำไรที่ได้คืนมา สภาพคล่องการเงินของร้านค้ายังไปกันต่อได้ไหม ดังนั้น วางแผนการบริหารต้นทุน + งบการเงินให้ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่พลาดท่าไปกับความประมาท และอย่าลืมเงินทุนสำรองต่าง ๆ เอาไว้ด้วย
หวังว่าจะเป็นไอเดียให้พ่อค้าแม่ขายออนไลน์ ผู้ประกอบการ และเจ้าของแบรนด์นำไปลดต้นทุน วางแผนจัดการบริหารธุรกิจได้อย่างราบรื่นมากขึ้น เพื่อเตรียมตัวรับยอดขายปัง ๆ ให้ได้กำไรเข้าเนื้อตัวเองมากกว่าทุนจมไปกับสินค้าต่าง ๆ นะคะ

หนึ่งในตัวช่วยลดต้นทุน ลดข้อผิดพลาดในการขายของออนไลน์ของร้านค้าลง ลองเปิดใจให้ Shipnity เป็นตัวช่วย
เพื่อจัดการออเดอร์ & สต๊อกสินค้าของร้านคุณให้เป็นระบบมากขึ้น ขายของอย่างมืออาชีพ พร้อมตัวช่วยซับพอร์ตการขาย
อีกมากมายที่รอคุณอยู่ เริ่มต้นเพียง 890.-
ทดลองใช้ฟรี! 14 วัน https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity