วันนี้จะพาไปเช็กพฤติกรรมว่าที่ลูกค้าของคุณกันค่ะ ก่อนคิดจะปิดการขายไปดูกันว่าอะไรทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านของคุณ และกว่าที่ ‘ลูกค้า’ จะตัดสินใจซื้อสินค้า เขามีวิธีเลือกยังไง ทำไมเขาถึงยอมจ่ายเงินให้กับร้านของเรามากกว่าคู่แข่งในตลาดกันนะ?
1. เช็กความน่าเชื่อถือ ร้านค้าของคุณมีตัวตนจริงไหม?
อันดับแรกลูกค้าทุกคนจะเริ่มหาข้อมูล เกี่ยวกับร้านค้าขายของออนไลน์ของคุณในทุก ๆ แพลตฟอร์ม โดยอาจจะเข้าไปส่องจากใน โซเชียลมีเดียของธุรกิจ/แบรนด์ว่า มีการอัปเดตโพสต์หน้าเพจ หน้าโปรไฟล์ บ่อยมากไหม? ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?
แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ/แบรนด์ต้องไม่ปล่อยให้ร้านเงียบหรือห่างหายจากการลงโพสต์นานเกินไป เพราะลูกค้าจะมองว่าร้านของคุณขาดความสม่ำเสมอ และเริ่มตั้งคำถามว่าขายจริงไหม? ทางที่ดีควรทำคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ ต้องลงบ่อย ๆ ไม่ให้ขาดการสื่อสารกับลูกค้า
2. เช็กรีวิว การให้คะแนน ใบการันตีสินค้าหรือบริการ
นอกจากลูกค้าจะเช็กว่า สินค้า/บริการ ที่คุณขายของออนไลน์น่าเชื่อถือมากเท่าไรจากการเช็กแหล่งที่มาของสินค้าว่า มีรายละเอียดที่มาที่ไป มีการรองรับคุณภาพมากน้อยแค่ไหน เช่น ถ้าขายครีมบำรุงผิว ก็จำเป็นต้องมีใบจดแจ้งที่ชัดเจน หรือใบการันตีจากสถาบันต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือนั่นเอง
ขั้นต่อมาเขาก็จะส่องรีวิวจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าจากร้านคุณว่า มีการให้ดาวหรือโพสต์รีวิวอย่างไรบ้าง เช่น ใช้แล้วเห็นผลจริงไหม? ร้านค้าไม่โกงและมีตัวตนจริง ๆ ใช่ไหม? ยิ่งร้านค้าที่ได้รีวิวดี ๆ ก็จะช่วยส่งเสริมลูกค้าให้อยากจะเลือกร้านคุณมากขึ้น ข้อนี้สำคัญมาก ถือเป็นเหตุผลแรกๆ ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ว่าจะจ่ายเงินให้ร้านคุณหรือไม่ ถ้าจ่ายแล้วคุ้มค่ามากแค่ไหนล่ะ
3. เช็กการบริการจากร้านค้า
มีลูกค้าบางคนที่เกือบจะซื้อแล้ว แต่พอทักแชทไปคุยกับแอดมินกลับได้รับการบริการที่แย่ จากที่จะซื้อแน่ ๆ ลูกค้ากลับเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่นทันทีแม้ว่าร้านนั้นจะขายแพงกว่าร้านของคุณ ดังนั้นถ้าคุณขายของออนไลน์ ก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับแอดมินตอบแชท ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยบ้าง โดยเฉพาะคำพูดคำจาไม่ควรเหวี่ยงวีน รวมถึงมารยาทในการตอบแชท การสะกดคำที่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับลูกค้าก็เป็นได้
นอกจากนี้ลูกค้าบางคนก็จะเช็กไปถึงขั้นว่า ร้านค้าของคุณมีแนวทางการรับมือและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง? ถ้าหากส่งสินค้าผิดจะมีการส่งของคืน เคลมของ ประกันสินค้า จะเยียวยาลูกค้าอย่างไร? ยิ่งบางร้านค้าที่ขายของชนิดที่มีความเสี่ยงในแบบต่าง ๆ ควรให้เวลากับการวางแผนที่ดี สำหรับการขายของออนไลน์เลย
4. เช็กโปรโมชัน โค้ดส่วนลด ราคาพิเศษ
แน่นอนว่าจะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด ในฐานะของลูกค้าสิ่งที่ดึงดูดใจเขามากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘ร้านคุณมีโปรดีอะไรมาขายให้เขาซื้อ?’ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง คุณจะเสกโปรอะไรให้เขาอยากจ่ายเงินให้ร้านของคุณมากกว่า เช่น จัดโปรลูกค้าใหม่ซื้อครั้งแรก พร้อมของแถม แจกฟรีหรือเปล่า? เป็นต้น
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ ร้านของคุณมีของพร้อมส่งไหม? เติมสต๊อกสินค้าบ่อยแค่ไหน? บางร้านค้าจะขายของออนไลน์แต่ไม่มีของพร้อมส่ง แบบนี้จะทำให้ลูกค้าส่ายหน้าได้นะ โดยเฉพาะร้านค้าที่ไม่เติมสต๊อก ลูกค้าจะซื้อทีไรก็ Sold out ตลอด อาจทำให้คุณเสียโอกาสสำคัญทางการขายตรงนี้ไปได้เลย!
ถ้าร้านคุณมีครบทั้ง 4 ข้อนี้ ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมลูกค้าถึงยอมจ่ายเงินให้ ดังนั้นถ้าอยากขายดี เป็นร้านค้าที่โดดเด่นเตะตาลูกค้า ก็ต้องรู้จักกลุ่มลูกค้าของตนเองให้ดี หมั่นขยันทำการตลาดและเก็บฟีดแบ็กต่าง ๆ จากลูกค้ามาพัฒนาร้านค้าอย่างสม่ำเสมอ แล้วธุรกิจของคุณจะได้พร้อมขาย สู้คู่แข่งและไปอยู่ในใจลูกค้าได้
ก่อนจะจากกันไป ถ้ากำลังมองหาตัวช่วย “จัดการสต๊อกสินค้า” ที่จะพาคุณเป็นร้านค้ามืออาชีพ
อย่าลืมนึกถึง ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ SHIPNITY ที่สามารถช่วยคุณดูแลออเดอร์ & สต็อกสินค้าครบวงจร
รองรับ SKU ได้หลากหลาย ไม่จำกัดสินค้า อัปเดตสต๊อกสินค้าให้อัตโนมัติเรียลไทม์ ไม่ให้คุณเสียโอกาสในการขาย พร้อมตัวช่วยแพ็กของง่าย ๆ ให้ส่งถึงมือลูกค้าปลอดภัย ที่จะช่วยคุณประหยัดเวลาในการขาย ให้คุณมีเวลาไปพัฒนาธุรกิจอื่น ๆ
อยากรู้เพิ่มเติมต้องอ่าน > https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity