ในแวดวงธุรกิจนั้น การวัดความคุ้มค่าจากการลงทุนถือว่ามีความสำคัญ หากเราไม่อาจวัดออกมาได้ว่าค่าใช้จ่ายที่เราใช้ไปในการดำเนินธุรกิจคุ้มค่าหรือไม่ อาจจะทำให้เราขาดทุนแบบไม่รู้ตัว หรืออาจจะถึงขั้นต้องปิดกิจการ การลงโฆษณาออนไลน์นั้น เพียงมีเงินก็สามารถทำได้ แต่การทำให้โฆษณาเกิดประสิทธิภาพและบรรลุผลของเรา จำเป็นต้องมีตัวชี้วัดสักหน่อย
โดยปกติแล้ว Return on Investment (ROI) มักจะใช้กับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ อาทิ เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น หลายๆคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนักเมื่อนำมาเป็นตัวชี้วัดกับการทำโฆษณา บางท่านจ่ายเงินโฆษณามาตั้งนาน แต่ยังไม่รู้จักคำนี้สักเท่าไหร่นัก หรือยังไม่เคยวัดผลว่า เม็ดเงินที่เราลงโฆษณาไปนั้น ให้ผลตอบแทบกลับมาคุ้มค่าหรือเปล่า วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ROI กัน
What’s Return On Investment ?
ROI หรือ Return on investment คือ ตัวชี้วัดว่า การใช้จ่ายเงินลงโฆษณาไปหลายๆบาทนั้น มีความคุ้มค่าไหม หรือพูดอีกแบบคือ เมื่อเราจ่ายเงินค่าโฆษณาลงไป เรามียอดขายหรือผลลัพธ์ (หักค่าโฆษณาออกแล้ว)กลับมาหาเราเท่าไหร่นั่นเอง
วิธีดูว่าค่า ROI มีประสิทธิภาพหรือไม่
การลงการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ คือ การโฆษณาที่มี Return on Investment (ROI) สูงสุด ซึ่งอธิบายได้หลายแง่ กล่าวคือ
– เราสามารถขายสินค้าได้ดีโดยใช้จ่ายเงินโฆษณาน้อยที่สุด
– เมื่อคำนวณค่าของ ROI ด้วยยอดขายและต้นทุนโฆษณา ปรากฎว่า ถ้าผลลัพธ์มีค่ามากกว่า 100% แสดงว่าการลงโฆษณามีประสิทธิภาพ แต่ถ้าน้อยกว่า 100% ก็เท่ากับว่าการลงโฆษณานั้นไม่คุ้มเลย ต้องหาวิธีโฆษณาใหม่ๆแบบอื่นที่มีประสิทธิภาพกว่า
– เป็นตัวชี้วัดว่า หาก Ad ตัวใดมีประสิทธิภาพต่ำ (น้อยกว่า 100 %) หยุด Ad และตัดทิ้งไปเลยย่อมดีกว่า
ยกตัวอย่าง
บริษัท SHIPNITY ขายของออนไลน์ลงโฆษณาด้วย Google AdWords ราคา 2,000 บาท / ต่อเดือน ซึ่งเดือนนั้นมีลูกค้า 10 คนเข้ามาติดต่อซื้อของ 20,000 บาท ดังนั้น
วิธีทำ ROI = ( 20,000 – 2,000 )/ 2,000 * 100 = 900 %
อธิบาย ผลลัพธ์ 900 % หมายถึง เราจะได้รับกำไร 900% หลังจากหักเงินค่าต้นทุนโฆษณาแล้ว ตัวเลขนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะเกิน 100 % โดยปกติแล้วค่าต่ำสุดที่ถือว่าคุ้มค่าคือ เท่ากับ 100% ถ้าตัวเลขต่ำกว่า 100% เราต้องบ๊ายบายและหาหนทางโฆษณาใหม่ที่ดีกว่า
ข้อควรระวัง ค่า ROI ที่เราคำนวนได้นั้น จะเป็นจริงตามที่เราคาดการณ์มั้ยนั่นคืออีกเรื่อง เพราะมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การ Optimize ของคนลงโฆษณา หากว่ามีการ Optimize แล้วปรากฎว่า ค่า ROI ไม่เหมือนที่คิดไว้ คงต้องเป็นอันยกเลิกแคมเปญโฆษณายกเซ็ต ลงทุนไปแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย และการคำนวณ ROI ในที่นี้ยังไม่ได้รวมต้นทุนอื่นๆ เป็นค่า ROI ของการโฆษณาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่กำไรสุทธิของธุรกิจจริงๆ
นอกจากนี้แล้ว Return on Investment อาจจะหมายถึงคลอบคลุมถึงคำศัพท์เกี่ยวกับโฆษณาออนไลน์หลายๆคำด้วยนะ เช่น CPC : Cost per Click , CPM : cost per 1000
impressions (ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง)
…………………………………………………………………..
สมาคมคนขายของและบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ by SHIPNITY
(Link: https://www.facebook.com/groups/1865849733720233/?source_id=805427532888306)
แชร์ประสบการณ์ฉบับแม่ค้าออนไลน์ หรือมีข้อมูลดีๆมาบอกต่อ ร่วมเม้ามอยท์ พูดคุยได้ที่นี่