You are currently viewing Social Commerce ทางออกของคนไม่ง้อ Marketplace ในวันที่โดนหักค่า % จนขาดทุน

Social Commerce ทางออกของคนไม่ง้อ Marketplace ในวันที่โดนหักค่า % จนขาดทุน

ยุคนี้เป็นยุคทองแห่ง E-Commerce ที่แพลตฟอร์มออนไลน์นั้นครองเมือง หลายคนหากนึกถึงการเริ่มต้นขายของออนไลน์ ก็คงจะนึกถึงแต่การเปิดร้านบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น แอปส้ม แอปน้ำเงิน แอปดำ แอปเขียว ที่มีกลุ่มลูกค้ารอช้อปปิ้งอยู่ในนั้นมากมาย ทั้งยังมีทั้งแคมเปญและส่วนลดที่ทางแพลตฟอร์มให้ร้านค้าได้เข้าร่วม ช่วยดันยอดขายกันแบบเต็มสูบ

แต่การขายของบนแพลตฟอร์ม Marketplace เช่นนี้ก็ต้องแลกกับการเสียค่าใช้จ่ายอย่างค่า % ค่า GP ให้แพลตฟอร์มสารพัดอย่างที่พอหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วอาจเหลือกำไรเพียงแค่หนึ่งหยิบมือ  ถ้าหากไม่เก๋าเกมจริงก็ยากจะสู้คู่แข่ง

ไม่สู้ลองหันมาขายบน Social Commerce ที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคนเหมือนเส้นผมบังภูเขาที่หลายคนไม่เคยนึกถึง เพราะการกลับมาขายของบนช่องทางของตัวเองเช่นนี้ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน และไม่ต้องแบ่งกำไรให้แพลตฟอร์มแล้ว ยังได้ใกล้ชิดกับลูกค้าและแบรนด์เป็นเจ้าของข้อมูลทั้งหมด !!  รู้อย่างนี้แล้วต้องเริ่มดันยอดขายวันนี้ ปังแน่ก่อนใคร

วิธีปิดการขายที่ดีที่สุด คือ การทำให้ลูกค้าซื้อที่เดียวจบ

จงอย่าปล่อยให้โซเชียลมีเดียของแบรนด์มีอยู่อย่างเหงา ๆ มีประดับไว้แค่ตอบลูกค้าแล้วบอกให้เขาไปซื้อในแพลตฟอร์มตัวกลางอื่น แต่คุณในฐานะเจ้าของธุรกิจสามารถหยิบมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่าที่คิด 

ไม่ว่าจะเป็น Social Commerce อย่างเพจ Facebook/Instagram/LINEOA/ หรือแม้แต่พวกเว็บไซต์ Website/Sale Page
ต่าง ๆ ที่แบรนด์คุณเป็นเจ้าของเอง ถ้าหยิบมาปั้นดี ๆ วางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ แล้วล่ะก็ คุณอาจจะไม่ต้องง้อการขายบน Marketplace อีกต่อไป !!

เพราะวิธีปิดการขายที่เร็วและดีที่สุด คือ ทำให้ลูกค้าซื้อง่ายและสะดวกที่สุด ยิ่งถ้าคุณสามารถทำทุกอย่างตั้งแต่สร้างคอนเทนต์ ตอบแชทลูกค้า พร้อมปิดการขายในที่เดียวได้ครบจบได้ใน 1 ช่องทาง ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสการปิดการขายได้มากขึ้นไปอีก

การขายบน Social Commerce ที่ตัวเองเป็นเจ้าของดีอย่างไร?

1. คุณคือเจ้าของข้อมูลตัวเอง ทำด้วยตัวเอง กำไรเข้าตัวเอง

คุณจะมีอิสระเต็มที่ในการขายของออนไลน์ตั้งแต่เริ่มต้น โดยอาศัยโซเชียลมีเดียที่คนส่วนใหญ่เล่นประจำอยู่แล้วเป็นลู่ทางในการสื่อสารทำการตลาดออกไปยังกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่การสร้างเพจ การทำคอนเทนต์ การตอบแชท การยิงแอดเรียกลูกค้า ไปจนถึงออกโปรโมชัน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงข้อมูล DATA ลูกค้าที่คุณเป็นเจ้าของเองทั้งหมด สามารถนำไปต่อยอดทำการตลาดได้ตรงกลุ่มมากขึ้น

2. ลดขั้นตอนการสั่งซื้อของลูกค้า ปิดการขายได้ทันที

คุณไม่จำเป็นต้องมีโซเชียลมีเดียเพื่อทำเพียงแค่โปรโมตคอนเทนต์แล้วดึงลูกค้าให้ออกไปซื้อสินค้าคุณยังแพลตฟอร์มอื่น แต่สามารถใช้มันในการทำการตลาดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบลูปปิดการขายได้ทันที ทั้งการแชท-ขาย-จ่าย-โอน 

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขายของผ่าน Social Commerce อย่าง Facebook หรือ LINEOA คุณสามารถเปิดบิลผ่านแชทพร้อมสรุปยอดให้ลูกค้าได้ทันที โดยไม่ต้องบอกให้ลูกค้าเข้าไปซื้อยังแพลตฟอร์มอื่น  เพื่อลดเวลาการตัดสินใจลูกค้าให้รีบซื้อ ขายของออกง่ายขึ้นมาก เพราะคุณจะไม่เสียโอกาสแม้แต่วิเดียว 

โดยปัจจุบันก็มีเครื่องมือตัวช่วยออกมาให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้นแล้ว อย่างระบบ Shipnity เองก็จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเปิดบิลผ่านแชทของคุณสะดวกและรวดเร็วขึ้นไปพริบตา ปิดการขายได้ไวใน 5 นาที!

3. โอกาสปิดการขายเพิ่มขึ้น

Social Media อย่าง Facebook, Instagram, LINEOA ถือเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยเล่นเป็นประจำทุกวัน วันละหลายชั่วโมง จึงทำให้มีโอกาสสูงที่กลุ่มเป้าหมายของคุณจะเห็นแอด เห็นคอนเทนต์ของคุณผ่านหน้าฟีดหรือไทม์ไลน์ ทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก ที่คนกลุ่มนี้จะพร้อมซื้อสินค้าของคุณได้ตลอดเวลา ถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่แตกต่างจากแอปพลิเคชันแพลตฟอร์มตัวกลางขายของที่ถ้าหากลูกค้าไม่คิดอยากช้อปปิ้งพวกเขาก็จะไม่กดเข้าไปยังแอปพลิเคชัน

4. ไม่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องแบ่งให้ใคร

หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะช่วยลดต้นทุนในการขายของออนไลน์ลง การขายบนช่องทางตัวเองอย่าง Social Commerce นี่แหละตอบโจทย์คุณแบบถูกต้องทุกข้อ เพราะคุณจะไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น ค่า GP หรือค่าคอมมิชชันที่จะต้องหักให้แพลตฟอร์มตัวกลาง Marketpalce เมื่อสินค้าของคุณขายออกอีกต่อไป แต่หากคุณใช้ Social Media เหล่านี้เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางให้เป็นประโยชน์มากกว่าการลงคอนเทนต์ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ของธุรกิจคุณได้อีกมากเป็นแน่

5. สร้างความน่าเชื่อถือ ผลักดันคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้สื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง

เมื่อขายของบน Social Commerce แน่นอนว่ามันก็ทำผ่านโซเชียลมีเดียที่ชาวเราใช้กันอยู่ทุกวัน หากคุณมีการยิงแอดหากลุ่มเป้าหมายก็จะทำให้คุณเก็บ Lead ว่าที่ลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น โดยไม่ต้องแบ่งข้อมูลให้ใครเพราะตัวคุณจะเป็นเจ้าของข้อมูลเองตั้งแต่ต้น 

และการขายของเช่นนี้จะทำให้คุณมีโอกาสพูดคุย-ใกล้ชิดกับลูกค้าของตัวเองได้โดยตรง ทั้งลูกค้าเก่าที่คอยติดตามโซเชียลของคุณอยู่แล้ว หรือแม้แต่ลูกค้าใหม่ ๆ ที่เห็นคุณมาจากการยิงแอดก็ตาม ธุรกิจของคุณก็จะได้โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนร่วมกับลูกค้า ต่อยอดการทำ CRM สร้าง Brand Loyalty ที่แข็งแกร่งต่อไปได้อีก แตกต่างจากฝั่ง Marketplace ที่ลูกค้าเข้ามาซื้อผ่านแอปพลิเคชันจบก็คือจบ ต่อยอดโอกาสการซื้อซ้ำได้ยาก

Social Commerce จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ปังมากสำหรับแบรนด์ที่ขายของออนไลน์แล้วอยากปรับกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในยุคที่แพลตฟอร์ม E-Commerce ครองตลาด  

เพราะนอกจากไว้สื่อสารคอนเทนต์เพื่อขายสินค้าแล้ว ยังสามารถปิดการขายได้ทันทีผ่านหน้าแชทไม่ให้ลูกค้าเสียเวลาออกไปยังแอปอื่น และยังสร้างความใกล้ชิด สร้างความน่าสนใจ และดึงดูดใจลูกค้าของคุณให้เข้ามาหาได้ง่ายดาย 

ยิ่งถ้าคุณมีเว็บไซต์หรือ Landing Page ดี ๆ ประดับเป็นสมบัติของธุรกิจล่ะก็ สามารถนำไปยิงแอดต่อยอดเพื่อหาลูกค้าใหม่ ๆ ให้มาถูกใจเรา ก็สามารถเก็บ Lead หรือ Insight ลูกค้าเอาไว้ได้ โดยที่เราเป็นเจ้าของข้อมูลเองทั้งหมด นำไปใช้ต่อยอดในการทำการตลาด สร้างยอดขายปังๆ ได้อีกมากแน่นอน !!

Shipnity-LOGO

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ SHIPNITY ที่สามารถช่วยคุณดูแลออเดอร์ & สต็อกสินค้าครบวงจร พร้อมฟีเจอร์ที่จะ ช่วยซับพอร์ตการขายบน Social Commerce ให้คุณครบสูตร ตั้งแต่การเชื่อมแชท Facebook, Instagram และ LINEOA และตัวช่วยเปิดบิลสรุปให้ลูกค้าแจ้งโอนเงินผ่านลิงก์บิลง่าย ๆ ในไม่กี่นาที ให้คุณขายของออนไลน์ลื่นไหล ไม่มีสะดุด  พร้อมฟีเจอร์ช่วยในการยิง Ads โฆษณาได้ดียิ่งขึ้น 

– เห็นภาพรวมงบยิง Ads ที่ใช้
– ข้อมูลลูกค้าทักมาจาก Ads ไหน คอนเทนต์ไหนโดนใจกลุ่มเป้าหมายที่สุด
– ดันยอดขาย ยิงตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 
– ประหยัดค่าโฆษณา ดึงคนกลับมาซื้อซ้ำ 

ตอบโจทย์ทุกการขายของออนไลน์ ทำได้จบในที่ระบบเดียว
แพ็กเกจเริ่มต้น 890.- ทดลองใช้ฟรี! 14 วัน > https://blog.shipnity.com/stock-system-management-real-time/

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
☎️ โทร: 065-226-8844
Facebook: facebook.com/shipnity
Line@: @shipnity