You are currently viewing ปล่อยวางความเครียดให้เป็น แล้วชีวิตจะเย็นขึ้น

ปล่อยวางความเครียดให้เป็น แล้วชีวิตจะเย็นขึ้น

                สารพัดปัญหานำความเครียดให้แก่เรา เมื่อรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากความผ่อนคลายที่เคยมี ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นความเครียด เมื่อเรารู้ตัวว่าเราเครียดแล้ว หากยังกำมือ กำปัญหา แล้วปล่อยให้สะสมค้างไว้ นอกจากสุขภาพกายจะไม่ดีแล้วสุขภาพจิตจะปัญหาตามมาแน่นอน ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราต้องรู้จักวิธีผ่อนคลายความเครียดให้ตัวเอง ตามวิธีที่ถูกต้องและทำตามได้

ทำความเข้าใจ “ความเครียด” กันก่อนว่าคืออะไร

            ความเครียดคือภาวะที่ร่างกายและจิตใจมีอาการผิดปกติไปจากเดิม ทำให้มีความไม่สบายใจ ครุ่นคิดอยู่เสมอ ส่วนมากมักเกิดจากการรับมือกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ไม่ได้ จนทำให้เครียดขึ้นมา หากปล่อยไว้นาน สะสมมากเกินไป จะมีผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ หากเรื้อรังมากเข้าจะกลายเป็นโรคเครียดได้ ดังนัันต้องมีวิธีจัดการและรับมือกับมันให้ได้ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี จัดสมดุลในชีวิตได้เหมือนเดิมหรือดีขึ้น หากรู้จักนำบทเรียนมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง


สาเหตุความเครียดมาจากไหนละ ? แล้วเกิดจากอะไรกันแน่ ?

           ความเครียดเกิดได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่ภายหลังมักพบในเด็กด้วย เพราะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น  ความเครียดเกิดได้หลายสาเหตุ แล้วแต่บุคคล เมื่อมนุษย์เราเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ตึงเครียด หรือความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ฉับพลัน ทั้งแง่ดี เช่น งานแต่งงาน ได้รับการเลื่อนขั้นที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ และแง่ลบ เช่น ตกงาน หย่าร้าง เจ็บป่วย ธุรกิจกำลังล้มละลาย สาเหตุที่แท้จริงมักระบุชัดๆไม่ค่อยได้นัก เพราะแต่ละคนมีสาเหตุปัญหาต่างกัน อาจจะมีปัญหาอย่างเดียวหรือหลายๆอย่างผสมปนเปกันก็ได้ ส่วนมากมักเกิดเพราะจัดการกับปัญหาไม่ได้ ความเครียดจะส่งผลเสียอย่างเรื้อรังทั้งทางร่างกายและจิตใจ และกลับมาเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเมื่อเจอสถานการณ์ใหม่ ในอนาคต


หยุดความเครียดก่อนที่มันจะหยุดชีวิตเรา

1.สังเกตร่างกายตัวเอง

ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณให้รู้ตัว เราลองสำรวจตัวเองสักเล็กน้อยว่ามีอาการหรือพฤติกรรมอะไรบ้าง

  • มีพฤติกรรมที่เป็นผลจากระบบประสาท อารมณ์ และความคิด เช่น การเดินไปเดินมา หลุกหลิกอยู่ไม่นิ่ง อยู่กับที่นาน ๆ ไม่ได้ กัดนิ้ว เป็นต้น 
  • ขี้หลงขี้ลืม
  • วิตกกังวลอยู่เสมอ
  • มีความคิดตีกันอยู่ในหัว
  • จัดระบบความคิดได้ไม่ดี
  • คิด พิจารณา หรือตัดสินใจได้ไม่ดี
  • ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล 
  • ไม่อยากกินอะไรเลย หรือกินมากเกินไป 
  • มองโลกแง่ร้าย มองสิ่งต่าง ๆ ในแง่ลบ

2. วางแผนจัดการความเครียดอย่างเด็ดขาด

หาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมเราถึงมีความเครียด การเขียนออกมาจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมมากขึ้น ทุกๆวันก่อนนอน เราต้องจดบันทึกเลยว่าเราเผชิญกับเหตุการณ์อะไร แล้วตัวเราตอบสนองอย่างไร สิ่งที่ต้องจดลงในบันทึกความเครียด ได้แก่ วันที่ เวลา และสถานที่ที่เกิดความเครียด สิ่งที่กำลังทำ ความรู้สึกและความคิดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เมื่อเรารู้สาเหตุ ให้หาวิธีกำจัดให้เร็วที่สุด และหาทางออกของปัญหาให้ไว

3. จัดลำดับความสำคัญอะไรก่อน-หลัง ช่วยลดเครียดได้จริงๆนะ

ปัญหาความเครียดส่วนมาก มักเกิดจาก เราจัดการงานต่างๆได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผน และเกิดปัญหาขึ้น สิ่งที่ตามมาแน่นอนคือความเครียด ไหนจะความรับผิดชอบที่ล้นตัว และภาระที่ตามมาในอนาคตอีก วางแผนว่าอะไรสำคัญอันดับแรก อะไรสำคัญรองลงมา พยายามปฎิญาณกับตัวเองว่าหากทำงานสิ่งที่สำคัญอันดับแรกไม่เสร็จ จะไม่แตะต้องอันอื่นให้เสียเวลาเด็ดขาด หัดปฎิเสธงานที่ไม่ใช่ของตัวเองบ้าง เพราะไม่มีใครสามารถรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างได้หมด 


4. อย่าแก้ความเครียดแบบผิด ๆ

เสพยา ดื่มสุราหรือใช้ผลข้างเคียงของยารักษาในทางที่ผิดเพื่อบรรเทาความเครียด ไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากปัญหายังอยู่เหมือนเดิม ตัวเราไม่ได้พัฒนา Mindset แก้ไขปัญหา ไม่ได้พัฒนาทักษะรับมือ ที่ช่วยให้เราเก่งขึ้น เติบโตขึ้น ถ้ายังขืนพึ่งทางออกผิดๆ ความเครียดยังเท่าเดิม เผลอๆมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ !

5. ปล่อยวาง ไม่ใช่ปล่อยปัญหา 

“ถ้าตอนนี้มีเวลาอยู่เพียงแค่ 1 วัน อะไรคือสิ่งที่อยากโฟกัส ” ลองหาคำตอบกับตัวเองด้วยคำถามนี้ดูแล้วเราจะพบว่าอะไรสำคัญกับเราจริงๆ เราควรจะกำความเครียดอีกต่อไปไหม กำความเครียดเหมือนมีควันสีดำอยู่ในหัว นอกจากเป็นมลพิษกับตัวเอง ยังเป็นมลพิษกับคนรอบข้างด้วย ดังนั้นการปล่อยวางดีที่สุด ปล่อยใจให้สบาย ไม่ยึดติด ปรับใจตัวเองให้วางลง อย่าวุ่นวายไปตามเหตุการณ์ภายนอกมากนัก

6.ปรึกษาคนอื่นบ้าง พบแพทย์บ้าง ไม่ใช่เรื่องน่าอาย

พยายามอย่าปรึกษากับเพื่อนที่จะพูดในสิ่งที่คุณอยากได้ยินหรือนิสัยคล้ายตัวเรามากนัก ลองเลือกปรึกษาเพื่อนที่กล้าจะพูดความจริงกับคุณ จะทำให้เห็นในมุมมองที่ต่างจากคุณออกไป บางทีมุมมองบางอย่างถึงแม้ใกล้ตัวแต่เรากลับมองไม่เห็น คุณแค่ต้องเปิดใจในการรับฟังคนใกล้ตัว ลดอคติตัวเองลง แล้วจะได้มุมมองใหม่ๆที่คาดไม่ถึงเชียวล่ะ


7.ฝึกหลั่งสารเอนโดรฟิน เพิ่มความสุขบ่อยๆ

    ออกกำลังกายจะทำให้เรารู้สึกดีต่อตัวเอง เพราะกล้ามเนื้อจะบีบรัดและผ่อนคลาย อีกทั้งยังทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นด้วย เพราะร่างกายของคุณลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียด และทำให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินซึ่งเป็นสารสร้างความสุข การออกกำลังกายควรทำทุกวัน แต่แค่เพียง 3 ครั้งต่ออาทิตย์ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้แล้ว


8. คิด คิด อยู่กับตัวเอง

บางคนไม่ชอบการอยู่คนเดียว มักทำกิจกรรมต่างๆแก้เครียดเสมอ เช่น ดูทีวี พบเพื่อน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ผิด แต่การใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อค่อยๆพิจารณาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ค่อยๆกลั่นกรองออกมา ลองใช้เวลา 15-30 นาทีในแต่ละวันอยู่กับตัวเอง เพราะในแต่ละวันนั้นคุณอาจต้องใช้เวลาไปกับผู้คนมากมาย การให้เวลากับตัวเองเช่นนี้ช่วยให้สามารถโฟกัสกับสิ่งต่างๆอย่างมีสติรอบคอบมากขึ้น


9.พักผ่อนเถอะ 

การนอนหลับแบบเต็มอิ่ม เป็นวิธีธรรมชาติที่ดีที่สุด เพราะช่วยฟื้นฟูร่างกาย และบรรเทาความเครียดต่างๆให้ลดลง เพิ่มพูนศักยภาพสมองให้แก้ไขปัญหาต่างๆที่เป็นสาเหตุความเครียด หากมีปัญหานอนไม่หลับ ให้ลองวิธีการรักษาแบบธรรมชาติก่อนการใช้ยานอนหลับจากแพทย์


              โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน ความกดดันมีมากขึ้น ไม่ว่าจะสารพัดเรื่องงาน เรื่องคน เรื่องส่วนตัว ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่เกิดมาย่อมหนีไม่พ้นความทุกข์ ความทุกข์มีอยู่รอบตัวเรา ความทุกข์ทำให้เกิดความเครียด แต่ความทุกข์ต่างๆที่กำลังถาโถมใส่เราดังคลื่นพายุนั้น หากสามารถมองพลิกอีกแง่หนึ่ง สิ่งเหล่านี้เสมือนเป็นครูที่สอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นถ้าเราสามารถผ่านพ้นมันได้ ชีวิตข้างหน้าเราก็สามารถรับมือกับเรื่องอื่นๆได้สบาย


……………………………….……………………………………………………………………..

แชร์ประสบการณ์ฉบับแม่ค้าออนไลน์ หรือมีข้อมูลดีๆมาบอกต่อ ร่วมเม้ามอยท์ พูดคุยได้ที่นี่ 
สมาคมคนขายของและบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ by SHIPNITY
(Link: https://www.facebook.com/groups/1865849733720233/?source_id=805427532888306)

ขอบคุณที่มา : 
ข้อมูลจาก POMPAD