การจัดการกับสินค้าค้างสต๊อก สินค้าขายไม่ออก เป็นหนึ่งในความท้าทายที่นักขายของออนไลน์ทุกคนต้องพบเจอในทุกธุรกิจ เพราะสินค้าทุกชิ้นที่กำลังค้างสต๊อกอยู่เปรียบเสมือนเงินทุนที่กำลังจะจมหายไป สั่งสินค้ามาตุนไว้มากแต่ดันขายไม่ออก ยิ่งปล่อยไว้นาน สินค้าก็ยิ่งเสื่อมสภาพลงเท่านั้น นอกจากเสียสินค้าแล้ว ยังต้องเสียทั้งเงินและสภาพจิตใจอีกด้วย ลงทุนไปไม่ได้เงินคืนสักบาท   อย่างไรก็ตาม ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ถ้าคุณรู้วิธีจัดการบริหารสินค้าค้างสต๊อกเหล่านี้ให้ถูกวิธี อาจสามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นโอกาสในการเพิ่มกำไรงาม ๆ ให้ธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด นี่คือ 8 วิธีแก้ พลิกสินค้าค้างสต็อก ขายไม่ออก ให้คืนเงินเป็นกำไรในพริบตา 1. ขายแบบ “จัดเซ็ตสินค้า” นำสินค้าค้างสต๊อกหรือของที่ขายไม่ออก มาจับรวมกันเป็นเซ็ตเพื่อขายในราคาถูกลง โดยอาจลองใช้กลยุทธ์การนำสินค้าขายดีกับสินค้าค้างสต๊อก มาจับเซ็ตคู่กันขายเพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าถูกขายออกได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้คุณสามารถตั้งราคาเซ็ตสินค้าให้ถูกกว่าการที่ลูกค้าซื้อแบบแยกชิ้น เช่น…

ปัญหาต้นทุนจมสินค้าเรียกได้ว่าเป็น “ปัญหาสามัญประจำร้านค้าออนไลน์” ที่ทุกธุรกิจต้องเจอ ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหากวนใจเหล่านี้อยู่เพราะขายสินค้าไม่ออก เงินทุนจม อย่าปล่อยให้มันกัดกินธุรกิจคุณจนขาดทุนแบบกู่ไม่กลับ รีบหาทางรับมือก่อนสายเกินแก้ วันนี้ Shipnity มี 5 วิธีที่สามารถช่วยคุณจัดการบริหารร้านค้า ออเดอร์ สต๊อก ได้ดีขึ้น จบปัญหาทุนจมสินค้าไปได้เลย แต่จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย 1. ก่อนสั่งต้องรู้ก่อนว่า สินค้าไหนขายดี/ขายไม่ออก โดยใช้ DATA เก็บข้อมูล สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังให้มากเมื่อวางแผนจัดการสต๊อกสินค้า คือ “อย่าใช้ความรู้สึกไปเอง” ว่าสินค้าชิ้นไหนขายดีเป็นพิเศษ เพราะบางทีคุณคิดไปเองว่า ชิ้นนั้น Sold out…

การตั้งราคาไม่ว่าจะเป็นการขายหน้าร้านหรือขายของออนไลน์ถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย หลาย ๆ ธุรกิจขยายตัวไม่ได้เพราะราคาสินค้า และที่แย่กว่านั้นก็คือ บางธุรกิจเจ๊งตั้งแต่ยังไปได้ไม่ถึงไหน การตั้งราคาสินค้าจึงเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่มือใหม่ต้องให้ความสำคัญ     แต่มืออาชีพที่ขายมานานแล้วก็ยิ่งต้องตระหนักให้มาก เพราะหลาย ๆ การตั้งราคาสินค้าก็ยังมีผิดพลาดกันได้เสมอ ด้วยมีความเชื่อที่ว่า “ขายตัดราคา” แล้วจะขายดีนั่นเอง ซึ่งจริง ๆ มันอาจจะจบไม่สวยอย่างที่คิดก็ได้ เพราะอะไรลูกค้าถึงไม่ยอมซื้อราคาเต็ม? เป็นเรื่องจริงที่เห็นได้ทั่ว ๆ ไปอยู่แล้วว่า ราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ด้วยราคาที่ถูกลงมันช่วยกระตุ้นใจลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อสินค้านั้น ๆ ได้ หากเขามีความต้องการซื้ออยู่แล้ว เพราะลูกค้ามองเห็นคุณค่าของสินค้าว่าตนเองควรมีมัน ราคาที่ลดลงจึงเป็นปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจว่า ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมในการซื้อแล้ว แล้วทำไมลูกค้าถึงยังไม่ยอมซื้อในราคาเต็มล่ะ?…

ทำธุรกิจไม่มีใครไม่หวังประสบความสำเร็จหรอกจริงไหมคะ เพราะความเป็นจริงทุกคนไม่มีใครอยากล้มเหลวไม่ว่าจะรับความเสี่ยงไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม การขายของออนไลน์ก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ความร้อนแรงของตลาดออนไลน์จึงมาพร้อมกับคู่แข่งเสมอ เมื่อเป็นแบบนี้ปัจจุบันอาชีพพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จึงต้องทำการบ้านเยอะมาก ๆ กลยุทธ์ที่ใช้ทำการตลาดนั้นต้องผ่านการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี งั้นวันนี้มาเช็คกันว่า กลยุทธ์อันดับแรกที่คุณต้องมีอย่าง “การตั้งราคา” ควรเริ่มต้นจากอะไร คุณจะได้ไม่ได้พลาดสิ่งเหล่านี้นะคะ 1. ต้นทุนแฝงหรือต้นทุนที่มองไม่เห็น โดยทั่วไปผู้ประกอบการจะพยายามตั้งราคาด้วยการนำต้นทุนบวกกำไร ซึ่งหลาย ๆ ครั้งที่ต้นทุนถูกนำมาคิดแค่ที่เป็นตัวเงินเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วยังมีต้นทุนอีกหลาย ๆ จุดที่ซ่อนอยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายจะกลายมาเป็นค่าใช้จ่ายในภายหลัง หรือทำให้ปัจจัยการผลิตลดลง ต้นทุนแฝงพวกนี้จะทำให้ส่วนของกำไรลดลง อาจจะส่งผลร้ายแรงถึงขั้นขาดทุนได้เลยก็ว่าได้ โดยต้นทุนแฝงจะมาในรูปแบบดังนี้1.1 เวลา การรอเวลานั้นทำให้เสียโอกาสในการสร้างรายได้…

ทุกวันนี้ร้านค้าขายของออนไลน์มีการแข่งขันสูงมาก กว่าจะได้ลูกค้ามาแต่ละคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อได้ลูกค้ามาแล้ว เราก็ต้องเต็มที่ทำให้เขาประทับใจอยากจะซื้อสินค้ากับเราต่อเรื่อย ๆ วันนี้ Shipnity มีไอเดียแพ็คของน่ารัก ๆ มาฝากทุกคน เอาไว้เป็นแนวทางในการ ‘ตก’ ลูกค้าให้ติดใจ รับรองว่า 4 ไอเดียที่เรานำมาฝากนี้ จีบลูกค้าติดแน่นอน 1. ยิงความประทับใจแรกใส่ลูกค้า ด้วยกล่องพัสดุแพ็คดี สร้างความประทับใจแรก จากการแพ็คของด้วยกล่องพัสดุที่มีดีเทลน่ารัก ๆ  เช่น เชือกผูกกล่อง ห่อพัสดุด้วยกระดาษหอม หรือใส่ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์  เท่านั้นยังไม่พอ ควรใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ…

วันนี้จะพาไปเช็กพฤติกรรมว่าที่ลูกค้าของคุณกันค่ะ ก่อนคิดจะปิดการขายไปดูกันว่าอะไรทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านของคุณ และกว่าที่ ‘ลูกค้า’ จะตัดสินใจซื้อสินค้า เขามีวิธีเลือกยังไง ทำไมเขาถึงยอมจ่ายเงินให้กับร้านของเรามากกว่าคู่แข่งในตลาดกันนะ?    1. เช็กความน่าเชื่อถือ ร้านค้าของคุณมีตัวตนจริงไหม? อันดับแรกลูกค้าทุกคนจะเริ่มหาข้อมูล เกี่ยวกับร้านค้าขายของออนไลน์ของคุณในทุก ๆ แพลตฟอร์ม โดยอาจจะเข้าไปส่องจากใน  โซเชียลมีเดียของธุรกิจ/แบรนด์ว่า มีการอัปเดตโพสต์หน้าเพจ หน้าโปรไฟล์ บ่อยมากไหม? ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?  แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ/แบรนด์ต้องไม่ปล่อยให้ร้านเงียบหรือห่างหายจากการลงโพสต์นานเกินไป เพราะลูกค้าจะมองว่าร้านของคุณขาดความสม่ำเสมอ และเริ่มตั้งคำถามว่าขายจริงไหม? ทางที่ดีควรทำคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ ต้องลงบ่อย ๆ ไม่ให้ขาดการสื่อสารกับลูกค้า 2. เช็กรีวิว…