ในโลกที่อินเตอร์เน็ตถูกใช้เพิ่มมากขึ้นอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าทุกคนที่มีคอมพิวเตอร์สามารถหารายได้จากการทำธุรกิจออนไลน์ได้ไม่ยาก การเริ่มสร้างธุรกิจออนไลน์ที่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับคุณได้จริงนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเป็น ไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านคอมพิวเตอร์ อีกทั้งคุณยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่มีข้อผูกมัดในการทำงานอีกด้วย
เนื่องจากมีเครื่องที่เป็นตัวช่วยในการเริ่มต้นธุรกิจมากมายไม่ว่าจะเป็น การทำเว็ปไซต์ หรือ Blog หรือการขายของผ่าน Social Media และ Marketplace เราเลยมีวิธีการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์โดยไม่ต้องเสียเงินซักบาท เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
(ภาพ : magenticians.com)
1. Drop Shipping
วิธีการนี้หากจะกล่าวให้เข้าใจง่ายๆนั้นก็คือ การเป็นตัวแทนแบบไม่สต็อกสินค้า เริ่มจากการไปซื้อสินค้าจาก “ผู้ขาย” ซึ่งอาจเป็นจากโรงงาน หรือผู้ขายรายย่อย แล้วนำไปเสนอขายให้กับ “ผู้ซื้อ” ตามแหล่งค้าขายออนไลน์ต่างๆ ซึ่งเราจะได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาที่ซื้อมา และราคาที่ขายไปนั้นเอง ซึ่งวิธีการนี้นั้นทำให้เราไม่ต้องสต๊อกสินค้าและไม่ต้องส่งสินค้าให้กับลูกค้าเอง เพราะ “ผู้ขาย” ที่เราหาลูกค้าให้นั้นจะเป็นผู้ทำทั้งหมด ทำให้เรานั้นไม่ต้องมีต้นทุนค่าโกดังสินค้า ไม่ต้องมีหน้าร้าน จึงไม่มีต้นทุนจมที่เกิดขึ้นกับเราเลย!
วิธีการ Drop Shipping ที่ถูกต้องนั้นคือ
1. นำรายการสินค้าจาก “ผู้ขาย” ไปวางขายในแหล่งค้าขายออนไลน์ต่างๆ เช่น eBay, Facebook, Instragram, หรือ Shopee Lazada
2. เมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้ากับคุณ คุณก็สั่งสินค้าจาก “ผู้ขาย” ในราคาที่ต่ำกว่าที่ตั้งขายไว้ในแหล่งค้าขายออนไลน์ดังกล่าว
3. “ผู้ขาย” ของคุณจะทำการส่งสินค้าไปให้กับลูกค้าเองโดยอัตโนมัติ
เพียงแค่นี้คุณก็ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาสินค้ามาแล้ว แถมไม่มีความเสี่ยงใดๆเลยอีกด้วย เพราะ เราไม่ได้ซื้อสินค้ามาสต๊อกไว้แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าในการทำ Drop Shipping นั้นอาจมีข้อเสียอยู่บ้าง อย่างแรกก็คือ หากสินค้าที่ “ผู้ขาย” ส่งไปยังลูกค้าเกิดส่งไปช้า หรือชำรุดขึ้นมาคนที่จะโดนต่อว่าก็คือตัวคุณเอง และกำไรส่วนต่างที่จะได้นั้นอาจทำได้ไม่มากนัก เพราะมีคู่แข่งในตลาดมาก
2.Affiliate Marketing
อธิบายง่ายๆก็คือ ระบบแนะนำต่อนั่นเอง ซึ่งมีความคล้ายกับระบบ Drop Shipping ที่ไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า หรือมีโกดัง และหน้าร้าน โดยการทำงานของระบบ Affiliate นั้นจะเป็นการที่คุณไปทำการตกลงกับเจ้าของธุรกิจที่มีสินค้าพร้อมขายเพื่อทำการขอเป็นตัวแทนจำหน่าย จากนั้นคุณก็ทำการโปรโมทสินค้าเหล่านั้นผ่าน Social Media หรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆ จากนั้นหากลูกค้าพร้อมจะซื้อสินค้าของคุณนั้น คุณก็ทำการส่งลิ้งค์ที่สามารถเข้าไปซื้อสินค้ากับเจ้าของธุรกิจที่คุณได้ไปตกลงไว้ในตอนแรกให้ แล้วลูกค้าของเราจะทำการซื้อสินค้ากับเจ้าของธุรกิจเอง ส่วนเราก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการยอดขายสินค้านั้นๆ โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินลงทุนซักบาทเดียวเลย! ซึ่งสิ่งที่ต่างจาก Drop Shipping ก็คือ คุณเพียงแค่โปรโมทสินค้า และส่งลิ้งซื้อขายสินค้าให้กับลูกค้าเพียงเท่านั้นคุณก็ไม่ต้องทำอะไรต่อไปแล้ว เพราะเจ้าของธุรกิจจะเป็นผู้จัดการเองทั้งหมด แต่ Drop Shipping นั้นเราจะต้องทำการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ขายเพื่อส่งไปให้ลูกค้าเอง
3.Blogging
ถ้าหากคุณชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือมีความสนใจในหัวข้อใดเป็นพิเศษแล้วละก็ การสร้างรายได้จากการทำ Blog คงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับคุณโดยผู้ที่เขียน Blog นั้นจะถูกเรียกว่า Blogger และการเขียน Blog นั้นสามารถทำได้ฟรีไม่ว่าจะเป็น WordPress, Storylog หรือ Blogger.com เป็นต้น ซึ่งในการเขียน Blog นั้นไม่ใช่เพียงแค่การเขียนเล่าเรื่องราวเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่คุณสามารถที่จะเพิ่มรูปภาพ, วีดีโอ, หรือลิ้งที่นำไปยังเว็ปไซต์อื่นที่มีประโยชน์ได้
โดยวิธีการที่จะทำใน Blog ของคุณประสบความสำเร็จนั้นมีดังนี้
1.ต้องเขียน Content ที่มีประโยชน์ และทุกคนสามารถใช้งานได้ : Content ของคุณจะต้องไม่น่าเบื่อ และหาอ่านได้ยากจากแหล่งอื่น
2.ต้องลง Blog เป็นประจำ : คุณควรที่จะลง Blog อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ทิ้งช่วงมากไป ซึ่งอาจเป็นวันละครั้ง หรือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นต้น เพราะ จะเป็นการทำให้ Blog ของคุณดูมีการอัปเดตอยู่ตอดลเวลา และทำให้ผู้อ่านนั้นสามารถติดตามได้ง่าย
3.ต้องมีหัวคิด : ต้องโฟกัสกับ Content ที่มีประโยชน์ ที่จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกชอบ และเชื่อถือคุณมากขึ้น
4.Online Video
สำหรับ Online Video นั้น Youtube เป็นเว็ปไซต์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก ผู้คนมากมายสามารถเข้ามาดูวิดีโอของคุณได้ โดยการที่คุณจะสร้างรายได้จากการทำวีดีโอลง Youtube นั้นอย่างแรกคุณต้องสมัครสมาชิกของ Youtube เสียก่อน หลังจากนั้นคุณสามารถไปตั้งค่าในบัญชีของคุณให้ Youtube สามารถนับจำนวนการเข้าชมวีดีโอของคุณและจ่ายเงินให้กับคุณตามจำนวนคนที่กดเข้ามารับชมวีดีโอของคุณนั่นเอง โดยหากคุณต้องการทำให้วีดีโอของคุณดูน่ารับชมนั้น คุณควรใส่ใจคุณภาพของวิดีโอด้วย เช่น
1.คุณสามารถใช้ Smartphone หรือกล้องธรรมดาในการถ่ายได้ แต่ต้องจำไว้ว่าแสงในตอนที่ถ่ายนั้นดีอยู่ เพื่อที่จะทำให้วีดีโอของคุณนั้นดูดี และเห็นได้ชัด
2.ต้องแน่ใจว่าระบบเสียงนั้นต้องไม่ผิดปกติ ตัวอย่างเช่น ต้องไม่มีเสียงคลื่นรบกวน หรือเสียงรบกวนอื่นๆจากปัจจัยภายนอก
3.ใช้เครื่องมือในการใส่หัวข้อเรื่องในวีดีโอของคุณ และใส่เอฟเฟคต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องทำ Content ให้มีประโยชน์ น่าสนใจ และเข้าถึงผู้ดูได้มาก และการทำ Content ที่ดูตลกหรือช่วยผ่อนคลายได้จะเป็นการดีมาก
(ภาพ : Lurn.com)
5.Information Products
สิ่งนี้คือการขาย Digital Information Products ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่าย และสร้างรายได้ได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น
1.Audio : บทสัมภาษณ์จากผู้มีความรู้, เทปอัดคอร์สเรียน, หรือสินค้าที่เป็นเสียงอื่นๆ
2.Video : สัมนาออนไลน์, หรือวีดีโอวีธีการทำสิ่งต่างๆ (How to…)
3.Text : หนังสือ ebook ต่างๆ, คู่มือท่องเที่ยว, หรือหนังสือออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น
