เจาะเคล็ดลับ เพิ่มยอดสุดปัง!! จากซีรีส์ “Itaewon Class”
จบไปแล้วสำหรับซีรีส์สุดฮิตอย่าง “Itaewon Class” ดูกันจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ซีรีส์เรื่องนี้คือให้แง่คิดดีๆ
จบไปแล้วสำหรับซีรีส์สุดฮิตอย่าง “Itaewon Class” ดูกันจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ซีรีส์เรื่องนี้คือให้แง่คิดดีๆ
วิธีการเพิ่มสต๊อกของสินค้าทำได้ 2 วิธี คือ เพิ่มในระบบกับเพิ่มสต๊อกด้วย Excel วิธีเพิ่มในระบบ 1. ไปที่หน้า สินค้า แล้วคลิก เครื่องหมาย + หลังจำนวนสต็อก 2. ใส่จำนวนสินค้าที่ต้องการเพิ่ม แล้วเลือก Supplier กับ วันที่จ่ายเงิน มีช่องหมายเหตุให้ใส่ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย 3. กด เพิ่มสต็อก แล้วจำนวนสต็อกก็จะเพิ่มเข้ามา หรือ ไปที่หน้าสินค้าที่ต้องการจะเพิ่มสต็อก แล้วคลิก +เพิ่มสต็อก วิธีเพิ่มสต็อกด้วย Excel …
1. ไปที่หน้า ผู้ติดต่อ 2. เลือกผู้ติดต่อเป็น ลูกค้า ในหน้าจัดการลูกค้า แล้วเลือก จัดการหมวดหมู่ลูกค้า 3. ในหน้าจัดการหมวดหมู่ลูกค้า สามารถเพิ่มหมวดหมู่ของลูกค้า โดยคลิก +เพิ่มหมวดหมู่ 4. จากนั้นใส่ ชื่อหมวดหมู่ลูกค้า และ Description ตามต้องการ แล้วกด บันทึก 5. เลือกสินค้าให้กับแต่ละหมวดหมู่ลูกค้า โดยคลิก จัดการราคาสินค้า 6. ในหน้าจัดราคาสินค้าในหมวดหมู่ลูกค้า ให้คลิก +เพิ่มสินค้า 7. เลือกสินค้าที่ต้องการ ในวงเล็บคือราคา และใส่ราคาสำหรับลูกค้าในหมวดหมู่นี้ แล้วกด บันทึก …
1. ไปที่หน้าเมนู "ตั้งค่า" 2. คลิกที่ปุ่ม "การสร้างรายการ" 3. กดเลือก " ใช้การส่งของผ่านระบบเป็นค่าเริ่มต้น" 4. เมื่อเราทำการสร้างออเดอร์ตามปกติ ปุ่ม "วิธีการจัดส่งจะหายไป" วิธีการพิมพ์ใบส่งผ่านระบบ (Dropoff) : คลิก
** ก่อนจะใช้งาน Chat Inbox แบบเปิดบิลเองได้ แถมไม่สร้างออเดอร์หลังบ้านเอง พร้อมตัดสต๊อกภายในตัวเลย เราจะต้องเพิ่มสต๊อกในระบบก่อน ซึ่งสามารถศึกษาได้ที่หน้าเมนู สินค้า หรือ สร้างสินค้าด้วย Excel : https://blog.shipnity.com/import-product-excel-2/ คู่มือ : สร้างสินค้า : https://blog.shipnity.com/create-product-pro/ 1. กดที่เมนู "แชท" 2. จะเจอหน้าเปล่าๆ ให้เรากด Sign in with Facebook ที่ด้านบน และกรอกรหัส…
1. ไปที่หน้าเมนู รูปตั้งค่าในรุ่น Pro 2. เลือกไปที่เมนู "การสร้างรายการ" 3. เลื่อนไปจนเจอคำว่า "ค่า COD ที่เก็บกับลูกค้า" สามารถเลือก % ได้เลย ตัวอย่าง สำหรับสินค้ามูลค่า 1,000 บาท ถ้าเราตั้งค่า % ที่เก็บจากลูกค้า คือ 5% และ ค่าส่ง COD ปกติ 50 บาท …
ตั้งค่าขนส่ง 1. ไปที่เมนู "ตั้งค่า" 2.ทางด้านซ้ายมือ จะมีแถบ "ขนส่ง" 3. ตั้งค่าเลือกขนส่ง "EMS COD", "Flash COD" จากนั้นกด บันทึก เมื่อสร้างออเดอร์ 1. ไปที่เมนู "ออเดอร์" คลิก +สร้างออเดอร์ 2. เมื่อกรอกข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดแล้ว ให้เลือกช่องทางจัดส่ง "EMS COD" หรือ "Flash COD" หรือ…
วิธีนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการที่ "ร้านค้าจัดส่งด้วยตัวเอง" แล้วไปเก็บเงินที่ปลายทาง หรือ "ส่งของให้ลูกค้าก่อนแล้วค่อยเก็บเงิน" ก็ได้เหมือนกัน 1. คลิก สร้างออเดอร์ 2. ใส่ข้อมูลลูกค้า เพิ่มสินค้า จากนั้นเลือก ช่องทางการจัดส่ง ดูวิธีตั้งค่าการช่องทางการจัดส่ง ได้ที่ เลือกขนส่ง 3. เลือกช่องทางการจัดส่ง เป็น COD เช่น Flash COD / EMS COD / SCG COD 4. แล้วคลิก บันทึก …
1.ไปที่เมนู "ตั้งค่า" จากนั้นกดที่ "หน้าตรวจสอบเลขพัสดุ / สั่งสินค้า (สำหรับลูกค้า)" 2. ที่หน้ารูปแบบของหน้าค้นหา Tracking ของร้าน แม่ค้าออนไลน์สามารถเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งตามสะดวก จากนั้นตั้งชื่อร้านค้า ซึ่งควรตั้งชื่อแบบเป็นภาษาอังกฤษ 3. การตั้งชื่อร้าน ควรตั้งชื่อแบบติดกัน โดยไม่ควรเว้นวรรค 4. ถ้าลูกค้าต้องการรู้สถานะการส่งของของร้านเรา ให้คัดลอกลิ้งค์นี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเช็คสถานะเองได้ โดยที่แม่ค้าออนไลน์ไม่ต้องคอยเสียเวลานานเพื่อตอบเรื่องสถานะส่งของให้แก่ลูกค้าทั้งหมด 5. เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วน จากนั้นให้กด บันทึก 6. ไปที่เมนู "สินค้า" ประโยชน์ของ "ลิ้งค์สั่งซื้อ"…
1. ไปที่เมนู ออเดอร์ 2. กดที่แถบด้านซ้ายมือ จากนั้นเลือก "3.รอเลขพัสดุ (พิมพ์แล้ว)" ระบบจะขึ้นแสดงรายการออเดอร์ทั้งหมดที่โอนเงินเรียบร้อยที่กำลังรอหมายเลขพัสดุ 3. กด ปิดรายการด้วย Excel 4 เมื่อขึ้นหน้าต่าง Close order เราสามารถทำได้ทั้ง - Export เป็นไฟล์ Excel - นำเข้าไฟล์ Excel ได้ 4.1 กรณี Export รายการออเดอร์ทั้งหมดด้วย Excel : …